“ไตรรงค์”ยันไร้คนไทยหนีตายจาก”เคเคปาร์ค”​ – ยังไม่พบเกาหลีตั้งฐานในไทย​ ชี้​ เป็นไปได้ยาก​หลังไทยสกัดเข้ม

354

รองจเรตำรวจแห่งชาติ เผย​ ไทย–กัมพูชา เห็นพ้องตั้งคณะทำงานร่วมปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์​ พร้อมสกัดสแกมเมอร์เคลื่อนย้ายฐานเข้าไทย ย้ำไทยมีมาตรการเข้มงวด ขณะที่ “เคเคปาร์ค” เมียนมาเริ่มแตก ตำรวจคัดแยกเหยื่อไร้คนไทย​ ยังไม่พบเกาหลีใต้ตั้งฐานในไทย​ ชี้​ เป็นไปได้ยาก​หลังไทยปราบปรามจริงจัง​

วันที่ 24 ตุลาคม 2568​ ที่​ ตร.พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติว่า​วานนี้(23 ต.ค.)​พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้นำคณะไทยเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนร่วม (GBC) ไทย–กัมพูชา เพื่อหารือแนวทางยุติและแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างสองประเทศ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นตัวแทนร่วมประชุมและประสานความร่วมมือกับทางการกัมพูชา

โดยฝ่ายไทยได้ยื่นข้อเสนอสำคัญเกี่ยวกับการปราบปรามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา ซึ่งเบื้องต้นทางการกัมพูชาได้ตอบรับและตกลงจัดตั้ง “คณะทำงานร่วมไทย–กัมพูชา” เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองและปฏิบัติการร่วมในการสกัดกั้นกลุ่มอาชญากรไซเบอร์เหล่านี้

พล.ต.ท.ไตรรงค์ เปิดเผยเพิ่มเติมถึงกรณีที่ทางการเมียนมาได้ดำเนินการปราบปราม “เคเคปาร์ค” แหล่งกบดานของแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติ และมีบางส่วนหลบหนีเข้ามาในฝั่งไทย ว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ และ พล.ต.ท.จิรภพ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการคัดแยกผู้หลบหนีว่าเข้าข่าย “เหยื่อค้ามนุษย์” หรือเป็นผู้ร่วมขบวนการ โดยมีศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าในพื้นที่ทำหน้าที่ประสานงานหลัก ภายใต้การกำกับของกระทรวงมหาดไทย

ทั้งนี้ ได้จัดกำลังจากตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและ ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์​หรือ​ ปคม. และตำรวจไซเบอร์ร่วมลงพื้นที่ เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลและตรวจสอบประวัติผู้หลบหนีอย่างละเอียด “จากข้อมูลเบื้องต้น ยังไม่พบว่ามีคนไทยหลบหนีจากเคเคปาร์คกลับมาในรอบนี้ ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนมากที่สุดรองลงมาคือชาว อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งทำงานเป็นแรงงานสแกมเมอร์ หลอกลวงเหยื่อที่มีสัญชาติเดียวกันในระบบข้ามชาติ”

ส่วนกรณีสื่อเกาหลีใต้รายงานว่าขบวนการสแกมเมอร์ชาวเกาหลีใต้บางกลุ่มได้ย้ายฐานปฏิบัติการเข้ามาในประเทศไทยนั้น พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน พร้อมยืนยันว่า “การตั้งฐานถาวรในไทยเป็นไปได้ยาก” เนื่องจากตำรวจมีมาตรการเข้มงวดและสามารถตรวจจับได้ง่ายกว่าในประเทศเพื่อนบ้าน​ ยืนยีนไทยจริงจังกับการสืบสวน–ปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาโดยตลอด ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าตำรวจไทยไม่ปล่อยปละละเลย และจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำผิดทุกกลุ่ม