หากอ่านท่าทีของรัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หลังรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และเกาหลีใต้ จัดหนักกับสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยึดกัมพูชาเป็นฐานใหญ่ น่าจะอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและมีภาวะกดดัน เนื่องจากถูกคนในสังคมตั้งคำถามว่าไทยจะปราบจริงกี่โมง

ยิ่งมีสื่อโซเชียลกระพือข่าวว่ามีนักการเมืองไทย 7 คนเอี่ยวกับพวกสแกมเมอร์ พนันออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้รัฐบาลนายอนุทินถูกสังคมจับจ้องเป็นพิเศษ แม้จะมีคนในรัฐบาล รวมถึงสำนักข่าวหลายแห่งออกมายืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่คนในสังคมได้จินตนาการไปไกลแล้วว่ามีอยู่จริง อาจจะเป็นเครดิตนักการเมืองไทยที่ถูกมองในแง่ลบมานาน
โดยเฉพาะข่าวเอื้อหรือเป็นหุ่นเชิดให้กับกลุ่มธุรกิจสีเทาและสีดำ รวมถึงเจ้าของธุรกิจสีเทาหลายคนโลดเล่นอยู่บนถนนการเมืองทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นเสียเอง
ดังนั้น หากคนในสังคมจะคาดหวังว่าจะได้เห็นการปราบปรามและจัดการกับกลุ่มธุรกิจสีเทาและสีดำอย่างจริงนั้น คงเป็นไปได้ยาก
ขอยกตัวอย่างในยุคของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ที่นำธุรกิจสีเทาอย่างหวยใต้ดินมาบริหารจัดการให้ถูกกฎหมาย ด้วยระยะเวลาเพียงไม่นานสามารถนำรายได้เข้ารัฐนับแสนล้าน นำไปส่งเสริมการศึกษา สนับสนุนให้เยาวชนไทยไปศึกษาต่างประเทศภายใต้โครงการ “หนึ่งทุนหนึ่งอำเภอ”
เมื่อเผด็จการทหารลากรถถังออกมายึดอำนาจรัฐบาลนายทักษิณ ตั้งฉายากันว่าเป็นรัฐบาลคนดีมีคุณธรรม ได้ยกเลิกหวยบนดินพร้อมแจ้งข้อหานายทักษิณทำผิดกฎหมาย หวยบนดินกลับไปอยู่ใต้ดินเหมือนเดิม ผลประโยชน์จากหวยใต้ดินกระจายไปอยู่ในมือของนักการเมืองทุกระดับ เดือนละนับหมื่นล้าน
ช่วงที่มีม็อบขับไล่นายทักษิณ ทุนสนับสนุนบางส่วนมาจากเจ้ามือหวยใต้ดินที่ระดมทุนหล่อเลี้ยงม็อบแบบเงียบ ๆ ช่วงที่ดำเนินคดีกับนายทักษิณ มีพยานเป็นอดีตนายตำรวจให้การในศาลว่ามีเงินจากเจ้ามือหวยใต้ดินสนับสนุนม็อบด้วย แต่แกนนำม็อบทราบเรื่องหรือไม่สุดจะคาดเดา

หลังโค่นรัฐบาลนายทักษิณและรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร การแข่งขันทางการเมืองปรับเปลี่ยนในหลากหลายรูปแบบ ราคาซื้อสิทธิ์ขายเสียงทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่นขยับขึ้นอย่างน่าตกใจ
ในหลายพื้นที่ การเลือกตั้งระดับท้องถิ่น การหาเสียงจะเน้นไปในทางซื้อเสียงแบบประมูลว่าใครจะให้มากกว่าจะเป็นฝ่ายชนะ ยิ่งเป็นพื้นที่เมืองเศรษฐกิจการแข่งขันจะสูง ทุ่มซื้อเสียงด้วยราคาสูงระหว่าง 1,000–5,000 บาท/เสียง
การเลือก ส.ส. มีการประมูลในลักษณะเดียวกัน ถ้าเขตไหนเจ้าของธุรกิจสีเทาหรือสีดำลงชิงตำแหน่ง ราคาซื้อเสียงจะสูงลิ่ว จะซื้อในลักษณะค่อย ๆ ปูพื้นที่ จากวันที่ประกาศว่าลงชิง ส.ส. จ่ายไปก่อน 1 รอบ พอได้เบอร์และช่วงกำลังหาเสียงจ่ายอีกรอบ โค้งสุดท้าย “คืนหมาหอน” จะทุ่มอีกรอบในลักษณะเกทับ
บางพรรคการเมืองแบ่งพื้นที่ให้แกนนำพรรคลงไปคุมแบบหลายเขต ถ้าแกนนำเป็นเจ้าของธุรกิจสีเทาหรือสีดำ ราคาซื้อขายเสียงจะสูงเป็นพิเศษ เพราะถ้าชนะเลือกตั้งได้ ส.ส. หลายคน และพรรคการเมืองนั้นได้ร่วมรัฐบาล แกนนำจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีเป็นกำนัล
ผู้อ่านหลายคนอาจตั้งคำถามว่าในอดีตมีการซื้อเสียงหรือไม่? ขอตอบว่ามี แต่ไม่ได้ซื้อราคาสูงแบบปัจจุบัน อาจจะเป็นเพราะนักการเมืองในอดีตมีจิตสำนึกสูงกว่านักการเมืองในปัจจุบัน หรืออาจเป็นเพราะเงินนอกระบบจากธุรกิจสีเทาและสีดำในยุคนั้นยังไม่ค่อยมี
แต่ในปัจจุบัน เงินจากธุรกิจสีเทา ไม่ว่าจะมาจากหวยใต้ดินทุกประเภท พนันออนไลน์ สินค้าเถื่อน น้ำมันเถื่อน และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเงินจากธุรกิจสีดำจากแก๊งค้ายาเสพติดและแก๊งค้าอาวุธเถื่อน สามารถหาได้ง่าย สร้างความร่ำรวยและสร้างอำนาจให้กับผู้เกี่ยวข้อง ทั้งเอกชน นักการเมือง และข้าราชการ
นอกจากเงินที่ได้จากธุรกิจสีเทาแล้ว ยังมีเงินที่ได้จากการทุจริตโครงการต่าง ๆ ของรัฐ ในลักษณะจัดฮั้วประมูล รวมถึงหักหัวคิวขณะตรวจรับงาน หรือการขายโครงการระหว่างนักการเมืองด้วยกันเอง เพื่อนำโครงการไปลงพื้นที่เพื่อหาคะแนนเสียง รูปแบบขายโครงการจะได้เงินในลักษณะหักหัวคิว เป็นที่นิยมในกลุ่ม ส.ส. ใต้
จากปรากฏการณ์ที่นำเสนอ ผู้อ่านคงมองภาพออกและพออนุมานได้ว่า เงินที่ใช้ซื้อเสียงล้วนแต่มาจากธุรกิจสีเทาและสีดำ และที่สำคัญแทบจะไม่มีนักการเมืองคนไหนหรือกลุ่มไหนจะใช้เงินที่หามาแบบสุจริตด้วยน้ำพักน้ำแรง มาละเลงในสนามการเมืองอย่างแน่นอน
แม้แต่นักการเมืองรุ่นใหญ่บางคนบอกว่าไม่ซื้อเสียงเลยก็อาจจะใช่ แต่ไม่ได้บอกว่าคนรอบข้างหรือญาติพี่น้องได้ใช้เงินจากการทุจริตมาแอบซื้อเสียงให้

ยิ่งมีการกำหนดไทม์ไลน์ว่าอาจจะมีการเลือกตั้ง ส.ส. อย่างช้าวันที่ 29 มีนาคม 2569 หรือหากสถานการณ์ทางการเมืองบีบรัดแบบที่นายอนุทินไม่สามารถรับมือได้แล้ว อาจจะยุบสภาฯ ภายใน 2–3 เดือน ไม่ใช่ครบ 4 เดือนตามที่สัญญาไว้กับพรรคประชาชน
อย่าไปคาดหวังว่าจะได้เห็นรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะปราบปรามพวกสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ รวมถึงธุรกิจสีดำอย่างจริงจัง เพราะถ้าปราบปรามจริง เท่ากับไปทำลายแหล่งทุนที่ส่งปัจจัยให้ไปใช้จ่ายในระหว่างเลือกตั้ง
แต่ถ้านายอนุทินมีความกล้าหาญที่จะปราบปรามอย่างจริงจังและเด็ดขาด สามารถทำได้ทันที เพราะแต่ละหน่วย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กอ.รมน. และ ปปง. ล้วนมีข้อมูลอยู่ในมือแล้วทั้งสิ้น รอแค่นายอนุทินประกาศว่าจะจัดการอย่างเด็ดขาด และพร้อมเป็นกำแพงให้ผู้ปฏิบัติทุกนายพิงเท่านั้น เชื่อว่าข้าราชการทุกหน่วยพร้อมปฏิบัติแต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้นำรัฐบาลคนไหนกล้าประกาศเผด็จศึก อาจเป็นเพราะถ้าประกาศจัดหนักคงเกรงจะไปเหยียบตาปลาพวกเดียวกัน
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่กลุ่มธุรกิจสีเทาและสีดำถึงยืนยงอย่างมั่นคง!!!


