ที่รัฐสภา, วันที่ 22 ต.ค. – นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี รองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ และนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ยื่นหนังสือถึง นาย วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ผ่านนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนเร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์
นายธีระชัย กล่าวว่า ปัญหาสแกมเมอร์ในเวลานี้มีไปทั่วโลก ศูนย์กลางอยู่ในอาเซียนที่ล้อมรอบประเทศไทยเป็นหลัก การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องดำเนินการอย่างครบวงจร และใช้มาตรฐานสากล ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย สามารถสั่งการได้ทันที รวมถึงสั่งห้ามส่งออกทองคำไปยังประเทศกัมพูชา หากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการก็จะต้องชี้แจงให้ได้เพราะการห้ามส่งออกทองคำไปกัมพูชาจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยแค่เฉพาะผู้ส่งออกทองคำรายใหญ่เท่านั้น ซึ่งเขาสามารถปรับตัวรองรับได้ไม่ยาก หากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการก็จะต้องชี้แจงให้ได้

นายธีระชัย ยังกล่าวว่า สาเหตุที่เมืองสแกมเมอร์มาล้อมประเทศไทยเพราะประเทศไทยสว่างและมีระบบอินเทอร์เน็ต ที่ทันสมัยแต่ชายแดน ยังมืดมัวอยู่ เพราะฉะนั้นการใช้ประเทศไทย เป็นทางผ่าน จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มผู้ร้ายที่ทำธุรกิจสแกมเมอร์ดังนั้นวิธีการที่จะป้องกันรัฐบาลต้องเดินหน้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง นอกจากนี้ รัฐบาลยังจำเป็นต้องกำหนดให้ระบบของธนาคารตรวจสอบบัญชีว่าบัญชีไหนในธนาคารมีลักษณะคล้ายบัญชีม้า ไม่ให้มีการถอนเงินหรือโอนเงินไปบัญชีไหน ซึ่งลักษณะอย่างนี้ถึงเวลาที่จะต้องบอกให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารออกมาชี้แจงกระบวนการในการป้องปรามบัญชีม้าที่เกิดขึ้นในไทย และให้เกิดผลอย่างแท้จริง และยังต้องดูความเชื่อมโยงเงินบาทกับเงินคริปโตด้วย
นายธีระชัย กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องใช้มาตรการทุกรูปแบบโดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการเศรษฐกิจ โดยขอเสนอแนะให้รัฐบาลไทย ควรยุติการค้ากับกัมพูชาเอาไว้ชั่วคราวจนกว่าจะมีการดำเนินการ ตามที่พวกเราเรียกร้องได้สำเร็จ การค้าการหยุดการค้าขายกับกัมพูชาจะเป็นการบีบอย่างเต็มที่ รวมถึงการนำเข้าสินค้าจากกัมพูชาด้วย เพราะเป็นสินค้าฟอกเงินทั้งนั้นที่จะนำมาเปลี่ยนเป็นเงินขาวในประเทศไทย ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ คือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เขาสามารถดูแลตัวเองได้

“เวลานี้ความเชื่อมั่นในตัวรัฐบาลไทยในองคาในองคาพยพของระบบราชการไทยกำลังถูกท้าทาย โลกกำลังสงสัยว่ามีปัญหาเพราะเราเดินหน้าช้าไปหรือไม่ และการดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ทำได้ทันทีทำได้ทันทีไม่ต้องไปตั้งคณะกรรมการ ไม่ต้องลีลาลีลาเต้นรำ แต่ไม่เกิดผลจริง เราต้องทำให้โลกปราศจากปราศจากข้อสงสัยว่า เป็นการแก้ปัญหาด้วยการลูปหน้าปะจมูกหรือไม่ เราต้องไม่ลืมว่ายังมีคนไทยยังมีคนไทยถูกขังอยู่จำนวนมาก เกาหลีใต้ ใช้เวลาเพียงแค่ 2 วันก็สามารถช่วยคนของเขากลับคืนมาได้หมด อย่างนี้นายกจะปล่อยให้คนไทยรับกรรมอยู่หรือไม่” นายธีระชัย กล่าว
ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาสแกมเมอร์สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ตัดการค้า พลังงาน น้ำมันสำเร็จรูป และไฟฟ้า ก็จะทำให้เขาเดินต่อไม่ได้ ซึ่งต้องทำจนกว่าศูนย์สแกมเมอร์เหล่านี้จะหายไป หากเรายังขายไฟฟ้าและน้ำมันให้เขาเหมือนเดิม ก็เหมือนส่งอาวุธให้เขามาทำร้ายคนไทย หากไทยไม่ขายพลังงานส่งให้กัมพูชาก็สามารถหาตลาดอื่นเพื่อขายได้ เพราะขายให้กัมพูชาน้อยมากคิดเป็นไม่เกิน 1.5 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ และในภูมิภาคนี้มีแค่ 2 ประเทศ คือ ไทยและสิงคโปร์ ถ้าเราไม่ขายสิงคโปร์ไม่ขาย คิดว่าแก๊งสแกมเมอร์จบแน่นอน

ส่วนเรื่องทองคำที่กัมพูชาซื้อเราปีละ 1 แสนล้านบาท จึงมีความเป็นไปได้ที่ทองคำเหล่านี้ใช้ในการฟอกเงินอาจใช้ในการฟอกเงินที่ไปฉ้อโกงมา แล้วมาฟอกผ่านทองคำซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายไปไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องหยุดค้าทองคำ แต่อาจมีเอกชนบางรายที่ได้รับผลกระทบ แต่ความเสียหายต่อคนทั้งโลกก็หลายแสนล้านบาท หากเราหยุดก็มั่นใจว่าจะส่งผลกระทบต่อแก๊งสแกมเมอร์แน่นอน
ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ควรใช้มาตรการสากลตรวจสอบบุคคลที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยห้ามเดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมถึงจัดการคนเหล่านี้ที่อยู่ในประเทศไทยผลักดันกับประเทศไปด้วย และต้องอายัดทรัพย์ของบุคคลที่เกี่ยวของบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยต้องแช่แข็งทรัพย์สินทันที หากบุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องจริงก็ให้ยึดทรัพย์เป็นของรัฐ เพื่อไว้เยียวยาคนไทยที่ถูกหลอกลวง และยังขอเสนอให้ออกพระราชกำหนดเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ซึ่งมั่นใจว่าทุกพรรคจะให้การสนับสนุน
ด้านนายคัมภีร์ กล่าวว่า จะนำเรื่องดังกล่าวนำเสนอต่อประธานสภา เพราะยังมีผู้ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงอยู่ เมื่อช่วงเช้าตนก็ได้รับสาย จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 2-3 สาย ว่าไปมีคดีที่ต่างจังหวัด แต่ความจริงแล้วไม่ได้ไปไหนเลย

