รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่สุราษฎร์ธานี ประชุมด่วน สั่งการ 8 ข้อ ยก “ปายโมเดล” ปราบต่างด้าวทุกสัญชาติ ประกอบกิจการผิดกฎหมาย

473

“พล.ต.อ.สำราญ นวลมา” รอง ผบ.ตร. ประชุมด่วนหน่วยงานความมั่นคงสุราษฎร์ธานี สั่ง 8 มาตรการเข้ม ตรวจเข้มบุคคล–สถานประกอบการต่างด้าว ยก “ปายโมเดล” ปรับใช้ ป้องกันก่อนเกิดเหตุ สร้างสมดุลระหว่างความมั่นคงกับภาพลักษณ์ท่องเที่ยว

พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

วันนี้ (21 ตุลาคม 2568) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มอบหมายให้ พล.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบ.ตร. เดินทางไปประชุมติดตามการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดของบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อประกอบกิจการหรือดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ที่ผิดกฎหมาย ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 เวลา 18.00 น. โดยมี นายบันดาล สถิรชวาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี,

พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8

พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8, พล.ต.ต.กฤษณ์ วาฤทธิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว, พล.ต.ต.สุวัฒน์ สุขศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี, พล.ต.ต.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงสกุล ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 6, พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, พ.ต.อ.นฤวัต พุทธวิโร ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี, ผู้แทนหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง, ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้แทนองค์การภาคเอกชนด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะพะงัน ร่วมประชุม โดยได้รับฟังสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และร่วมหารือกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ณ ห้องประชุม ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สำราญฯ มีข้อสั่งการ ดังนี้

  1. ในกลุ่มปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยตรง ให้หน่วยงานตำรวจบูรณาการกำลังหน่วยที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบบุคคลและสถานที่เสี่ยงที่จะกระทำผิดกฎหมาย และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งกรณีมีการสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทุกกรณี และเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายจราจร
  2. ในส่วนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้หัวหน้าตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด นำเอาโมเดลของ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.สุราษฎร์ธานี ไปปรับใช้ โดยดำเนินการตรวจสอบคนต่างด้าวในพื้นที่ให้เป็นในลักษณะป้องกันก่อนเกิดเหตุ ก่อนที่ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน โดยให้คำนึงถึงความสมดุลระหว่างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ และความมั่นคง
  3. ให้หัวหน้าตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด จัดทำข้อมูลท้องถิ่น (IPB) ของบุคคลต่างด้าว ไม่จำกัดเฉพาะสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง เพื่อป้องกันการก่อปัญหาความเดือดร้อนของคนต่างชาติทุกสัญชาติ
  4. ให้หัวหน้าตรวจคนเข้าเมืองจังหวัด เสนอผู้ว่าราชการจังหวัด จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ (ศปก.) การท่องเที่ยว เพื่อบูรณาการกำลังหน่วยงานภาครัฐและส่วนราชการในพื้นที่ ในการควบคุมการกระทำความผิดต่าง ๆ ของบุคคลต่างด้าว ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ป้องกันและอำนวยความสะดวกให้แก่บุคคลต่างด้าว
  5. กรณีสถานที่ใดมีลักษณะปิด ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบ แล้วประชาสัมพันธ์ชี้แจงให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ
  6. ให้ทุกหน่วย ได้แก่ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหวัด, ตำรวจท่องเที่ยว และสถานีตำรวจภูธรเกาะพะงัน ร่วมบูรณาการกำลังในการตรวจพื้นที่รับผิดชอบ โดยให้มีแผนการตรวจที่มีลักษณะเหลื่อมเวลากัน เพื่อให้เพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
  7. ให้ทุกส่วนราชการบังคับใช้กฎหมายในความรับผิดชอบโดยเคร่งครัด ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นบุคคลสัญชาติใดหรือศาสนาใด
  8. ให้ประชาสัมพันธ์จังหวัดสุราษฎร์ธานีช่วยเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
พล.ต.ต.สุวัฒน์ สุขศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี

พล.ต.อ.สำราญฯ กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวได้ขับเคลื่อนตามนโยบายและความห่วงใยของนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวเป็นไปด้วยดี ส่งผลดีกับนักท่องเที่ยวทุกชาติที่เดินทางมาในประเทศไทย ตลอดจนการสร้างความมั่นใจของผู้ประกอบการสถานประกอบการชาวไทย ในการให้บริการนักท่องเที่ยวได้อย่างดี