ท่ามกลางยอดเขาสูงชันทางใต้ของประเทศไทย “แดงประดับผา” หรือ “กุหลาบผา” คือไม้ป่าหายากที่ผลิบานอย่างสง่างามบนผาหินแกร่ง ดอกสีแดงอมส้มราวเปลวเพลิงแห่งขุนเขา สะท้อนพลังแห่งธรรมชาติและความงามอันบริสุทธิ์ของผืนป่าเขตร้อน

แดงประดับผา…อัญมณีสีเพลิงแห่งขุนเขาใต้
กลางความเงียบสงบของผืนป่าภาคใต้ตอนล่าง ที่ระดับความสูงกว่า 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ดอกไม้ป่าชนิดหนึ่งเบ่งบานสะกดสายตาผู้มาเยือน “แดงประดับผา” (Rhododendron longiflorum Lindl.) สมาชิกในวงศ์ Ericaceae ที่ชาวบ้านเรียกขานอย่างเรียบง่ายว่า “กุหลาบผา”
ไม้พุ่มอิงอาศัยขนาดกลางชนิดนี้สูงได้ถึง 3 เมตร มีใบรูปไข่กลับหรือรูปรี ปลายแหลม ขอบเรียบ ใบอ่อนมีเกล็ดหนาแน่น และก้านใบแบนยาว ช่อดอกออกปลายกิ่งคล้ายช่อซี่ร่ม ประกอบด้วยดอกสีแดงอมส้มสดใส 5–10 ดอก รูปทรงคล้ายแตร ยาว 4–6 เซนติเมตร กลีบดอกด้านในมีขนสั้นนุ่มราวกำมะหยี่ เมื่อเบ่งบานพร้อมกันดูราวกับเปลวไฟที่แต่งแต้มยอดผาให้สดชื่นมีชีวิต

รากเหง้าแห่งผืนป่ามลายู
“แดงประดับผา” พบได้ในคาบสมุทรมลายู สุมาตรา และบอร์เนียว สำหรับประเทศไทย พบขึ้นตามภูเขาสูงในจังหวัดยะลาและนราธิวาส ซึ่งมีอากาศเย็นชื้นและหมอกปกคลุมตลอดปี เป็นไม้ที่ต้องการสภาพดินกรดอ่อนและแสงแดดรำไร อาศัยเกาะแน่นบนผาหินราวผู้พิทักษ์แห่งขุนเขา
นักพฤกษศาสตร์ยังแยกชนิดย่อยของพืชนี้คือ var. bancanum Sleumer ซึ่งมีดอกขนาดเล็กกว่าแต่ก้านใบยาวกว่า พบเฉพาะที่สุมาตรา เป็นหลักฐานทางวิวัฒนาการของพืชในป่าดิบภูเขาที่มีความหลากหลายสูง

จากผาสู่เรือนพรรณไม้
ปัจจุบัน “แดงประดับผา” ถูกอนุรักษ์และจัดแสดงอย่างงดงามภายใน โรงเรือนพืชวงศ์กุหลาบพันปี สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชมความงามของไม้ป่าหายากชนิดนี้อย่างใกล้ชิด ทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพฤกษศาสตร์และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ยามที่ดอกสีแดงอมส้มบานสะพรั่งพร้อมกัน ท่ามกลางม่านหมอกและเสียงลมพัดผ่านหุบเขา “แดงประดับผา” เปรียบเสมือนบทกวีของธรรมชาติ ที่บรรจงแต่งแต้มไว้บนหน้าผาสูงชันของแดนใต้ — ความงามที่ไม่หวือหวา แต่ทรงพลังและเปี่ยมด้วยชีวิต
ขอบคุณข้อมูล สวนพฤกษศาสตร์บ้านร่มเกล้า จังหวัดพิษณุโลก

