วันนี้ (17 ต.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น.ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดฉะเชิงเทรา เขต 4 พรรคประชาชน ได้เดินทางมาศาลตามนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดฐาน “ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมกับข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นระบบคอมพิวเตอร์ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์”
จากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่า ปลอมแปลงใบรับรองผลการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ หรือใบ สด.43 โดยก่อนที่นายจิรัฏฐ์ขึ้นสืบพยาน ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้เป็นการสืบพยานนัดแรกของฝั่งโจทก์ ซึ่งจะมีอีกนัดคือวันที่ 21 ตุลาคม เท่าที่ทราบฝั่งโจทก์ได้เตรียมพยานบุคคลเป็นทหารประมาณ 5-6 ปาก ส่วนฝั่งตนเองจะสืบพยานในวันที่ 24 ตุลาคม โดยมีตนเองเพียงแค่ปากเดียว วันนี้ตนเองได้เตรียมความพร้อมที่จะตอบถามในชั้นศาลมาคร่าว ๆ แล้ว โดยตนเองยังยืนยันในข้อเท็จจริงว่า ใบ สด.43 เป็นใบที่ออกโดยราชการของจริง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เอกสารดังกล่าวจะเป็นใบปลอม ทั้งที่มีลายน้ำ มีตราปั้ม และมีลายเซ็นครบถ้วน ส่วนประเด็นเรื่องของลายนิ้วมือนั้น แม้ว่าทางทหารจะยืนยันว่าต้องมีลายนิ้วมือ แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่มีลายนิ้วมือในใบ สด.43 เช่นเดียวกับใบของตน ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะต้องพิสูจน์กันในเรื่องของระเบียบราชการทหารเกี่ยวกับลายนิ้วมือในชั้นศาลอีก
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาตนยังไม่เคยถูกทางทหารเรียกนำใบ สด.43 ของตนไปตรวจสอบเลย แม้กระทั่งในชั้นคณะกรรมาธิการการทหารของสภาผู้แทนราษฎร ก็ยังไม่มีการเรียกใบของตนไปตรวจสอบเช่นกัน
ส่วนประเด็นที่ว่ามองเป็นเรื่องของการถูกกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 17-18 ปีก่อน ตนได้ขึ้นศาลในคดีไม่ไปรายงานตัวกับทางทหาร ซึ่งคดีดังกล่าวตนได้เสียค่าปรับและถือว่าจบไปแล้ว รวมทั้งคดีนี้ก็หมดอายุความเกินกว่า 10 ปีที่ศาลอาจจะต้องทำลายสำนวนคดี แต่ว่าทางตำรวจมีมติว่าจะยังคงเก็บประวัติอาชญากรตนเอาไว้ก่อน สุดท้าย 1 ปีผ่านไปตนก็ถูกฟ้องในคดีนี้
ส่วนจะเป็นเรื่องของการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่นั้น นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า สมัยที่แล้วตนเป็นกรรมาธิการการอุตสาหกรรม ก็ไม่เคยมีคดีถูกฟ้องร้องมาก่อน แต่สมัยนี้ตนเป็นกรรมาธิการการทหาร กลับถูกฟ้องไปแล้ว 3 คดี
นายจิรัฏฐ์ กล่าวอีกว่า คดีนี้ตนไม่มีความกังวลอะไร ทางพรรคประชาชนก็มีทนายความที่ดูแลตนในคดีนี้อยู่แล้ว ยืนยันว่าตนผ่านขั้นตอนปลดทหารอย่างครบถ้วนและถูกกฎหมาย รวมทั้งไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปลอมเอกสารดังกล่าว ซึ่งถ้าตนจะปลอมจริง ง่ายที่สุดคือทำลายนิ้วมือ เพราะเอกสารส่วนอื่นคงจะปลอมได้ยาก
ส่วนจะมีผลต่อเรื่องการลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสมัยหน้าหรือไม่นั้น นายจิรัฏฐ์ เปรยว่า คดี 44 สส. ของ ป.ป.ช. น่ากลัวกว่าคดีนี้เยอะ จึงเชื่อว่าจะไม่มีผลอะไรมาก เพราะคดีนี้น่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของตนมากกว่า แต่คดีในชั้น ป.ป.ช. ของตนนั้น ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร ส่วนจะลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสมัยหน้าหรือไม่นั้น ขอรอดูทิศทางคดีของ ป.ป.ช. ก่อน
