ตร.ไซเบอร์ โต้”รังสิมันต์” ยันทำงานไม่ล่าช้า จับกุม-คืนเงินเหยื่อกว่า 10,000 ล้าน

306

รอง ผบช.ไซเบอร์ ชี้แจงปมถูกพาดพิง ย้ำผลงานชัดเจน สืบสวนรวดเร็วแต่คดีล้นกว่า 1 ล้านเคส ขอรังสิมันต์นำหลักฐาน “Ben Smith” มามอบตำรวจ พร้อมดำเนินคดีทุกระดับไม่เว้นนักการเมือง

พล.ต.ต. ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทาง ชี้แจงจากกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน แถลง road map การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งมีตอนหนึ่งพาดพิงถึงการทำงานของตำรวจไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ายังทำงานล่าช้าและมีอุปสรรคปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย ว่า การทำงานของตำรวจไซเบอร์รวดเร็วหรือไม่สื่อมวลชนทราบดีอยู่แล้ว ประชาชนทราบดีอยู่แล้ว ไม่ต้องตอบเยอะ การจับกุมก็มีเป็นจำนวนมากเห็นได้จากการแถลงข่าวในวันนี้ที่มีเป็นจำนวนมาก ซึ่งการที่นายรังสิมันต์กล่าวพาดพิงถึงก็จะรับฟังไว้ แต่ผลงานที่ออกมาจะชัดเองเอง ซึ่งผู้ที่จะตัดสินคือสื่อมวลชนและประชาชนเอง

เมื่อสื่อมวลชนสอบถามว่าการที่มีผลจับกุมเยอะแต่มีปัญหาเรื่องการดำเนินคดีกับตัวผู้ต้องหา หรือไม่ เรื่องนี้รองผู้บัญชาการชี้แจงว่า ตลอด 3 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เสียหาย 1 ล้านเคส ID มีความเสียหายกว่า 100,000 ล้านบาท ระงับเงินได้ทัน 10,000 ล้านบาท ตำรวจไซเบอร์เน้นการป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ แต่บุคคลภายนอกอาจอยากให้เน้นเรื่องการปราบปราม แต่สิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆคือการต้องการเงินคืน ไม่ใช่การจับกุม ซึ่งที่ผ่านมามีนโยบายเชิงรุกหลายอย่าง ทั้งเรื่องการคืนเงินได้เร็ว และเรื่องการระงับบัญชีธุรกรรมการเงินแต่ก็ยอมรับว่าได้รับผลกระทบกับประชาชน ยืนยันว่ากองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ไม่ได้หยุดนิ่ง ซึ่งมีข้อเท็จจริงเห็นได้ทุกวัน สามารถฟังได้เห็นได้เองทุกคน ส่วนเลขคดีเยอะสำนวนเยอะเป็นเพราะมีสำนวนคดีกว่า 1 ล้านเคส ID ต้องประสานจากหลายหน่วยงานบางบริษัทบางหน่วยงานไม่สามารถสั่งการได้ต้องเป็นการขอความร่วมมือ ซึ่งตอนนี้ธนาคารและกสทชให้ความร่วมมือแล้ว

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า นายรังสิมันต์โรมบอกว่าข้อกฎหมายบางอย่างเป็นอุปสรรคในการทำงานของตำรวจหรือไม่ ก็ยอมรับว่าบางส่วนมีผลต่อการทำงานของตำรวจ แต่บางข้อกฎหมายก็เป็นผลดีเช่นเรื่องพ.ร.ก.การคืนเงิน10,000 ล้านขอให้ฟังข่าวดี ยืนยันว่าประชาชนต้องการเงินคืน ซึ่งการที่นายรังสิมันต์พูดมาก็ต้องรับฟังแต่ยืนยันว่าตำรวจไซเบอร์ไม่ได้หยุดนิ่งและคดีไซเบอร์เป็นคดีที่เกิดขึ้นเป็นรายนาทีไม่ใช่คดีวิ่งราวทรัพย์ทั่วไป ถือว่าเป็นกระจกเงาและรับฟัง

ส่วนกรณีของนายเป็นสมิธที่นายรังสิมันต์มีการกล่าวถึง รองผู้บัญชาการยังคงยืนยันว่าขอให้นายรังสิมันต์นำข้อมูลดังกล่าวมามอบให้กับตำรวจไซเบอร์ได้เลย โดยที่ตำรวจไซเบอร์จะยังไม่เรียกนายรังสิมันต์เข้ามาให้ข้อมูล และไม่ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะเป็นชาวบ้านทั่วไปผู้ใหญ่หรือนักการเมืองก็พร้อมดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ตลอด

ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าการถามข้อมูลของนายเป็นสมิธและไม่พบข้อมูลในสารบบของไซเบอร์ตั้งแต่การแถลงนโยบายเมื่อหลายวันที่ผ่านมาขณะนี้ผ่านมาหลายวันแล้วมีข้อมูลของนายเป็นสมิดเข้ามาในสารบบหรือมีการตรวจสอบเพิ่มเติมหรือไม่ รองผู้บัญชาการชี้แจงว่าขณะนี้ได้มีการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวแล้วแต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องและพยานหลักฐานมามอบให้กับตำรวจไซเบอร์เพื่อใช้ในการตรวจสอบและสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพราะสิ่งสำคัญคือข้อมูลขอให้นำเข้ามามอบให้