พายุถล่ม! เขื่อนสิริกิต์อ่วม ระดับน้ำพุ่งเกิน 90% สทนช.สั่งเฝ้าระวัง-แจ้งเตือนพื้นที่ท้ายน้ำ

424

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) รายงานว่า ฝนจากร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ รวมทั้งอิทธิพลพายุหลายลูก ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนสิริกิต์สะสมจนระดับน้ำในอ่างเกินร้อยละ 90 ของความจุ ขณะที่มีคำสั่งแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำน่านอย่างต่อเนื่อง

(9 ต.ค. 2568) — สทนช. สรุปสถานการณ์น้ำภาพรวมวันนี้ว่า ฝนที่ตกต่อเนื่องจากร่องมรสุมที่เลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก รวมกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ยังปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้พื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักเป็นบางแห่ง ขณะที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนฟ้าคะนองจุดเล็กจุดน้อย

ปริมาณฝนสะสม 24 ชั่วโมง สูงสุดในแต่ละภาค ได้แก่ จ.เชียงใหม่ (101 มม.), จ.นครราชสีมา (64 มม.), จ.ปทุมธานี (104 มม.), จ.ระยอง (96 มม.), จ.กาญจนบุรี (70 มม.) และ จ.สงขลา (77 มม.)

สทนช.คาดการณ์ช่วงวันที่ 10–14 ต.ค. ว่า ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีฝนลดลง ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้มีแนวโน้มฝนเพิ่มขึ้น และอาจมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากร่องมรสุมจะพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับลมตะวันออกและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังปกคลุมพื้นที่ต่าง ๆ

สถานการณ์อ่างเก็บน้ำโดยรวมของประเทศขณะนี้ ปริมาณน้ำรวมอยู่ที่ร้อยละ 85 ของความจุเก็บกัก (คิดเป็นประมาณ 68,250 ล้านลูกบาศก์เมตร) ขณะที่ปริมาณน้ำใช้การอยู่ที่ร้อยละ 76 (ประมาณ 44,129 ล้านลูกบาศก์เมตร) แต่ที่น่าเป็นห่วงคือระดับน้ำในเขื่อนสิริกิต์ จ.อุตรดิตถ์ พุ่งสูงเกินร้อยละ 90 ของความจุ ซึ่งเกิดจากอิทธิพลของพายุหลายลูกก่อนหน้านี้ เช่น “วิภา” “คาจิกิ” “หนองฟ้า” และ “บัวลอย” ส่งผลให้น้ำไหลเข้าอ่างรวมกว่า 6,800 ล้านลูกบาศก์เมตร

รองเลขาธิการ สทนช. นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่เขื่อนสิริกิต์ พร้อมประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านระบบออนไลน์ เพื่อบูรณาการแนวทางบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำน่าน โดยมีผู้บริหารเขื่อนสิริกิต์ โครงการชลประทานอุตรดิตถ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

สทนช.ได้กำชับให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโครงการชลประทานอุตรดิตถ์ แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำน่านอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเตรียมความพร้อมของหน่วยงานปฏิบัติการในกรณีมีฝนตกหนักเพิ่มเติม นอกจากนี้ คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินความปลอดภัยของเขื่อน (กปข.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความมั่นคงของเขื่อนและอาคารประกอบระหว่างวันที่ 6–8 ต.ค. เพื่อสร้างความมั่นใจว่าสถานะโครงสร้างเขื่อนยังคงมีความมั่นคงและปลอดภัย

ด้านผลกระทบจากฝนและน้ำท่วม สถานการณ์เมื่อวันที่ 8 ต.ค. เกิดอุทกภัยใน 19 จังหวัด รวม 94 อำเภอ โดยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ เช่น พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร นครสวรรค์ ชัยภูมิ ยโสธร อุดรธานี อุบลราชธานี อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และฉะเชิงเทรา ทางสทนช.และหน่วยงานท้องถิ่นเร่งให้การช่วยเหลือและประสานงานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงขอให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำติดตามประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการ เตรียมความพร้อมรับมือ และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำหลากและน้ำท่วมฉับพลัน โดยเฉพาะพื้นที่ท้ายน้ำของเขื่อนสิริกิต์

หมายเหตุ: สทนช.เตือนว่าหากมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของปริมาณน้ำหรือมีการระบายน้ำจากเขื่อนไปยังพื้นที่ท้ายน้ำ ประชาชนควรปฏิบัติตามการแจ้งเตือนของหน่วยงานในท้องที่ทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่เสี่ยง.