กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. ได้สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.อ.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.มนต์ชัย เพ็งเลิศ, พ.ต.ท.พงศกร ต้นอารีย์, พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา, พ.ต.ท.ปรัชญ์ แม้นเดชรอง ผกก.2 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.ภูวดล เปรมปรีวรรณ สว.กก.2 บก.ป., ด.ต.ระพีพัฒน์ หอมจรรยา, ด.ต.เฉลิมฤทธิ์ สุขบาง, ด.ต.ณัทกร ศิรบัญชากุล, จ.ส.ต.ธีระวัฒน์ หาญประโคน, ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ พรมวัลย์ผบ.หมู่ กก.2 บก.ป.ร่วมกันจับกุม นายศุภกิจฯ อายุ 23 ปี ในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” ตามหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ จ.1070/2568 ลงวันที่ 9 กันยายน 2568 สถานที่จับกุม ริมถนนเลียบคลองสาม ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
พฤติการณ์ เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพนักงานบริษัทขนส่งเอกชนรายหนึ่ง หลังตรวจพบกล่องพัสดุแตกภายในศูนย์กระจายสินค้า จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อตรวจสอบภายในกล่องพบว่าเป็น ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวนกว่า 50,000 เม็ด
จากการสืบสวนทราบว่าผู้ส่งพัสดุดังกล่าวคือ นายศุภกิจฯ หรือ “หนึ่ง” โดยระบุปลายทางไปยังพื้นที่ภาคใต้ ตำรวจจึงรวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลอนุมัติหมายจับในข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า เป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” ตามหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีที่ จ.1070/2568 ลงวันที่ 9 กันยายน 2568
ต่อมา ชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าพบตัวนายศุภกิจฯ หลบหนีมาพักอาศัยในพื้นที่ ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่ง พบผู้ต้องหาปรากฏตัวบริเวณริมถนนเลียบคลองสามวา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเข้าแสดงตัวพร้อมบัตรข้าราชการตำรวจ ก่อนเข้าทำการจับกุม ซึ่งนายศุภกิจฯ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุมในคดีนี้มาก่อน ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมาย พร้อมควบคุมตัวไปบันทึกการจับกุมที่ สภ.คลองหลวง ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.ขุนทะเล จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ปฏิเสธคำให้การ
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
