การโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลประจำปี 2568 ของกองทัพเรือ กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง เพราะครั้งนี้เต็มไปด้วยข้อครหามากมาย ทั้งเรื่องการข้ามอาวุโส การใช้เส้นสาย และการแทรกแซงจาก “หลังบ้าน”

Fast Track เป็นความจำเป็น แต่ระบบกำลังพัง กองทัพเรือมีระบบ Fast Track เพื่อดันนายทหารรุ่นใหม่ขึ้นมามีบทบาทเร็วขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีถ้าบริหารอย่างสมดุล แต่ปีนี้กลับมีการข้ามรุ่นพี่มากผิดปกติ จนสัดส่วนที่เคยกำหนดไว้ (20% Fast Track / 80% ตามอาวุโส) แทบไม่เหลือความสมดุล ผลที่ตามมา คือรุ่นพี่หลายคนหมดไฟ ไม่มีกำลังใจทำงาน เพราะรู้ว่าต่อให้ตั้งใจแค่ไหน ก็ถูกปิดทางเติบโตอยู่ดี
จากรางวัลกลายเป็นบันไดเส้นสาย อีกระบบที่ถูกวิจารณ์หนักคือ “Reward” ซึ่งเดิมควรใช้ยกย่องคนทำงานเก่ง แต่ปัจจุบันกลายเป็น “ระบบเด็กนาย” ที่หยิบใครขึ้นมาก็ได้ โดยไม่สนอาวุโสหรือผลงานจริง ใครใกล้ชิดนาย วิ่งเต้นเก่ง หรืออยู่ในสายสัมพันธ์พิเศษ ก็มีโอกาสก้าวกระโดด ขณะที่คนที่ตั้งใจทำงานเงียบ ๆ กลับถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
หลังบ้านกับการจัดโผ ความลับที่ไม่ลับ สิ่งที่ทำให้ปีนี้ถูกจับตามากที่สุด คือข้อครหาว่า “หลังบ้าน” มีบทบาทโดยตรงกับการจัดโผ บางตำแหน่งมีการรื้อ-แก้ไข เพื่อให้ตรงกับคำสั่งจากคนใกล้ชิดผู้นำ และยังมีเสียงเล่าลือถึง “ดีลลับ-ผลประโยชน์ตอบแทน” เพื่อแลกตำแหน่ง เรื่องแบบนี้ไม่เพียงทำลายความเชื่อมั่นของกำลังพล แต่ยังบั่นทอนศรัทธาที่ประชาชนเคยมีต่อกองทัพเรือ
ยังไม่พอ กรมแพทย์ทหารเรือ คือตัวอย่างความไม่เป็นธรรม มีเสียงสะท้อนว่ากรมแพทย์ทหารเรือเอง ก็เผชิญปัญหาการจัดตำแหน่งที่ไม่ยุติธรรม บางคนไม่ได้มีประสบการณ์ตรง แต่ถูกดันขึ้นด้วยเส้นสาย ขณะที่แพทย์ผู้ทำงานเต็มที่กลับถูกมองข้าม สร้างความไม่พอใจอย่างกว้างขวางภายในหน่วย
ถึงเวลาผู้นำต้องเลือก คำถามสำคัญคือ… ผู้นำกองทัพเรือจะยอมปล่อยให้ระบบเส้นสายทำลายองค์กรไปเรื่อย ๆ หรือจะลุกขึ้นมาแก้ไขอย่างจริงจัง
เพราะหากไม่ทำอะไร ขวัญกำลังใจจะยิ่งตกต่ำ และความศรัทธาของสังคมต่อกองทัพเรือจะยิ่งถดถอยลงไปอีก
นี่คือสัญญาณเตือนที่ดังชัดเจนว่า ถึงเวลาแล้วที่กองทัพเรือต้องกลับมาสร้างระบบแต่งตั้งที่โปร่งใส ยุติธรรม และคืนศักดิ์ศรีให้กับผู้ที่ทุ่มเททำงานจริง ที่เขียนมาทั้งหมด คนวงในลูกประดู่ รู้กันดี.?


