“ปารเมศ” สส.ปชน. ตั้งกระทู้ถามสด นายกฯอนุทิน ปมถนนยุบสามเสน ลึกกว่า 50 เมตร ใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จี้ตรวจสอบเอื้อเอกชนหรือไม่ – นายกฯโต้ชัด ขอให้สัตยาบัน ตนไม่เอื้อคนผิด พร้อมเร่งสอบหาสาเหตุ ย้ำไม่ปล่อยให้ รฟม.ทำงานฝ่ายเดียว

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2568(เวลา 11.45 น.)ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯคนที่สอง เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของ นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) เรื่องถนนยุบ ถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า ตนได้ติดตามข่าวที่นายกฯลงพื้นที่ด้วยตนเองหลายครั้ง ในวันที่เกิดเหตุ 24 กันยายนนี้ หน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล สิ่งที่เราเห็นคือเป็นการถล่มของความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อโครงการรัฐบาล โดยวิศวกร และผู้เชี่ยวชาญต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นหลุมที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย มีความลึกกว่า 50 เมตร กว้าง 30 คูณ 30 เมตร โชคดีแค่ไหนที่ไม่มีการสูญเสียในครั้งนี้ แต่ครั้งหน้าโชคอาจจะไม่ได้อยู่ข้างเรา ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คือประชาชนรู้สึกหวาดผวาไม่กล้าใช้ถนนเส้นนี้ และจุดอื่น โดยเฉพาะถนนที่สร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน ผู้ป่วยและบุคลากรในโรงพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบจากการเข้าถึงการรักษาและการเดินทางการสัญจร รวมถึงชุมชนที่พักอาศัย ร้านค้าต้องสูญเสียรายได้ และเกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยของตนเองอยู่ตลอดเวลา และการจราจรมีความปั่นป่วน เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุทางวิศวกรรมธรรมดา แต่คือสัญญาณเตือนภัยต่อโครงการของรัฐระดับใหญ่ที่ใช้งบประมาณนับหมื่นล้านบาท

นายปารเมศ กล่าวว่า ความเป็นไปได้ที่สมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทยเสนอความเป็นไปได้สาเหตุที่ดินถล่มลงมาคือ 1.ดินรองรับอุโมงค์บนและอุโมงค์ล่างไหลไปที่อุโมงค์ล่าง เพราะมีปัญหาเรื่องจุดเชื่อมต่อทำให้อุโมงค์ชั้นบนสูญเสียชั้นดินที่รองรับ จึงอาจจะถล่มลงมา 2.ดินรองรับอุโมงค์บน และอุโมงค์ล่างสูญเสียกำลังในการรับน้ำหนัก เกิดการกลายสภาพเป็นของเหลว ทำให้ดินอ่อนตัวจนไม่สามารถค้ำอุโมงค์ได้ ทำให้อุโมงค์บนหล่นมาทับอุโมงค์ล่าง และ 3.อาจเกิดจากความบกพร่องของโครงสร้างอุโมงค์ เพราะอุโมงค์ถูกต่อจากชิ้นส่วนต่างๆ ที่ต่อเป็นวงกลมหลายชั้น มีรอยต่อเป็นจำนวนมาก หากเพียงแค่ชิ้นใดชั้นหนึ่งมีความชำรุดก็อาจทำให้ทั้งโครงสร้างพังถล่มลงมาทั้งระบบได้
“ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตามถ้าโครงสร้างหลักอุโมงค์สร้างเสร็จและได้มาตรฐานต่อให้ฝนตกหนักเท่าไหร่หรือต่อให้น้ำจากท่อประปาแตก ก็ไม่ควรที่จะมีดินถล่มลงมาขนาดนี้ รัฐบาลมีหน้าที่ในการตามล่าหาความจริงมาเปิดเผยต่อสาธารณะโดยเร็วที่สุด เพราะตราบใดที่รัฐบาลยังหาสาเหตุไม่เจอ ท่านก็จะไม่มีวันสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้เลย และท่านจะไม่สามารถป้องกันให้เหตุนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกในอนาคต แล้วประชาชนจะมีความเชื่อมั่นต่อโครงการของรัฐได้อย่างไร” นายปารเมศ กล่าว

นายปารเมศ กล่าวอีกว่า กรณีนี้อาจจะแย่กว่าตึกถล่มของสตง. เพราะยังทราบเหตุผลที่ชัดเจนว่า ได้รับผลกระทบของแผ่นดินไหวอย่างน้อยเรามีที่มา แต่กรณีถนนยุบ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ออกมาชี้แจงว่า โครงสร้างหลักของอุโมงค์ได้สร้างเสร็จมาหลายเดือนแล้ว และมีการเปิดให้ใช้ถนนในการสัญจรให้รถวิ่งถนนนี้ทุกวันเป็นจำนวนมาก นั่นแปลว่า หน่วยงานที่ท่านกำกับดูแลเชื่อว่าอุโมงค์โครงสร้างหลักนี้มีความปลอดภัยได้รับมาตรฐานที่ดี
จึงมีคำถาม 1. คือ มาตรการการแก้ไขท่านจะคืนผิวถนนที่มีคุณภาพทำให้ประชาชนเชื่อมั่น และท่านจะทำเสร็จเมื่อไหร่ รวมถึงการซ่อมอุโมงค์ คำถาม 2. คือมาตรการการเยียวยาท่านจะช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนอย่างไรทั้งผู้ประกอบการที่สูญเสียรายได้ประชาชนที่พักอาศัยอาศัยอยู่ในบริเวณรอบข้างผู้ป่วยบุคลากร ทางการแพทย์ และผู้ป่วยที่รับยาที่โรงพยาบาลทางรัฐบาลมีมาตรการเยียวยาอย่างไร และคำถามที่ 3. คือมาตรการการป้องกันทางรัฐบาลมีมาตรการเชิงรุกการตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุแบบนี้เกิดขึ้นสำหรับการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสายสีม่วง หรือสายสีส้ม รวมถึงท่านจะยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างที่มีความเสี่ยงลักษณะนี้อย่างไร

ด้าน นายอนุทิน ชี้แจงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่นำความเสียใจ และผิดหวังมาให้ ตนในฐานะที่เป็นนายกฯ ที่กำลังจะนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯในช่วงเย็นวันดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นตนได้รับรายงาน และได้ลงไปในที่เกิดเหตุทันที และขณะนี้ความเสียหายเกิดขึ้นที่บริเวณถนนสามเสน หน้าโรงพยาบาลวชิระ และสถานีตำรวจนครบาลสนามเสน สิ่งที่นายปรเมศ ได้อภิปรายมานั้นทางตนได้รับทราบสาเหตุแล้ว เมื่อได้เข้ามาปฏิติบัติหน้าที่ ก็ได้เร่งสั่งการให้ นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยเร็ว เมื่อทราบสาเหตุที่แม่นยำ และขอให้รายงานผลการตรวจสอบมายังตนทุกสัปดาห์ ซึ่งการตรวจสอบนี้ ตนได้เน้นย้ำไป
นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องขอบคุณที่นายปรเมศ กล่าวถึงตึก สตง.ด้วย ซึ่งในเรื่องถนนยุบ มีความไม่สมบูรณ์ทางวิศวกรรม อย่างแน่นอน ซึ่งตนก็ใช้หลักเดียวกับตึก สตง.ที่เกิดเหตุการแผ่นดินไหว ซึ่งในกรณีถนนยุบ ตนจะ ขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เชิญผู้แทนจากกรุงเทพฯมาร่วมเป็นกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ตนมั่นใจว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องทางวิศวกรรมศาสตร์ เราจะต้องพบจุดบกพร่อง และนำมาชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบตลอด จนหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีกในอนาคตอย่างแน่นอน

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับการแก้ปัญหาในพื้นที่นั้นขณะนี้ ทาง รฟม.ได้เร่งรัดดำเนินการเพื่อคืนสภาพพื้นที่ในบริเวณที่เกิดเหตุให้กับประชาชนที่สัญจรทั่วไป ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่พักอาศัย และใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณดังกล่าว ที่สำคัญต้องให้ความดูแลอย่างเต็มที่กับ ผู้ป่วย บุคคลากรทางการแพทย์ ของโรงพยาบาลวชิระ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจนครบาลสามเสน ทางรฟม.ได้ให้ความมั่นใจมาว่า การคืนพื้นผิวจราจนบนถนนสามเสน จำนวน 2 ช่องจราจรจะใช้ได้ในวันที่ 9 ตุลาคมนี้ โดยในระหว่างการดำเนินการแก้ปัญหา และคืนสภาพพื้นที่เรามีการติดตั้งเครื่องมือตรวจวัด เคลื่อนตัวของอาคารและให้เจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตุการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
นายกฯ กล่าวว่า ขั้นตอนในการคืนพื้นผิวถนนก็ได้ดำเนินการไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ในการเตรียมการคืนพื้นที่ผิวการจราจร ตอนนี้หยุดการไสลด์ของดินเรียบร้อย และต้องถมทรายอีกประมาณ หมื่นกว่าคิว หลังจากนั้นก็จะเติมหินคลุกเพื่อให้แน่นอนและทำการลาดยาง เพื่อคืนพื้นผิวจราจร ให้กับผู้สัญจรตอไป และรฟม.ก็ได้รับความร่วมมือที่ดีมาจาก กทม.ในการให้ความร่วมมือตรวจสอบสแกนโพรงใต้ดินที่เกิดเหตุให้เพื่อสามารถความคุมสถานการณ์ ลดความเสียที่อาจเกิดอันตรายต่อประชาชน
ทั้งนี้ ขณะนี้คณะกรรมการกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ตนได้รับการยืนยันจาก รฟม. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ว่าให้ รฟม.ยึดถือปฏิบัติตามมาตรฐานการก่อสร้าง และได้รับการยืนยันมาว่า ทุกอย่างได้ดำเนินการด้วยหลักมาตรฐานทางวิศวกรรมให้มั่นคงแข็งแรง เน้นความปลอดภัยของประชาชน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอกย้ำถึงสิ่งที่เราจะต้องไปหาสาเหตุ ซึ่งตนจะติดตามการสืบสวนสอบสวนหาสาเหตุนี้ด้วยตนเองอย่างใกล้ชิด โดยใช้กลไกร่วมกัน เพราะใช่ปล่อยให้ รฟม.หาสาเหตุฝ่ายเดียว และให้กรมโยธาธิการ ประสานงานสภาวิศวกร เพื่อหาสาเหตุ หาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการซ่อมอุโมงค์นั้น เราต้องเร่งคืนพื้นผิวจราจรโดยด่วนก่อน และทำการซ่อมอุโมงค์ทั้งสองชั้นให้กลับมาอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้และมีความปลอดภัยตามสัญญาต่อไป ส่วนเรื่องของการเยียวยาผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตนได้กำชับให้ทางกระทรวงคมนาคม และผู้ว่าการรฟม.ด้วยตัวเองว่า ถึงแม้ว่าไม่ได้ระบุอยู่ในสัญญาก่อสร้างว่า จะต้องมีการเยียวยาอย่างไร แต่ถ้ามีเหตุอันไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นเหตุที่มีนัยยะสำคัญ ทางกระทรวงคมนาคมและรฟม.ก็จะต้องหารือและสั่งการให้ผู้รับจ้างจะต้องรับผิดชอบเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ รวมถึงการเยียวยาผู้สูญเสียโอกาสทำมาหากิน ที่จะสร้างรายได้ด้วย
“ขณะนี้กระทรวงคมนาคมเร่งจัดตั้งกรรมการสอบสวนและนำผลมาศึกษาวิเคราะห์หาความผิดพลาด บกพร่อง ะต้องออกมาตรการการดำเนินการก่อสร้างใหม่ หากพบความผิดจากเทคนิคต้องดำเนินการแก้ไข แต่หากเกิดจากความสะเพร่าหรือเลินเล่อของผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบตามสัญญา ขณะเดียวกันการตรวจสอบตึก สตง.ถล่ม ได้ติดตามทุกสัปดาห์ ซึ่งผมเชื่อว่า จะได้คำตอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น” นายอนุทิน ชี้แจง
ทั้งนี้ นายปารเมศ ตั้งคำถามความเกี่ยวพันธทางการเมืองระหว่างนายกฯ ในฐานะอดีตผู้บริหารบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ขณะที่ผู้รับจ้างคือ กิจการร่วมค้า ช.การช่างและ ซิโน-ไทย ดังนั้น การตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว จะให้ความมั่นใจต่อการตรวจสอบที่ตรงไปตรงมาได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม ตนขอให้กรรมการที่ตั้งขึ้น ขอให้ทำงานเป็นอิสระ และทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์รัฐไม่ใช่นายทุน นอกจากนั้น การตรวจสอบของเหตุการณ์
“ขณะนี้ยังไม่ได้ยินจากนายกฯ ว่าจะดำเนินการเอาผิดกับผู้รับจ้างอย่างไร หากตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นความบกพร่องของการก่อนสร้างหรือการออกแบบ ดังนั้น ขอให้นายกฯพูดให้ชัดเจนว่า จะดำเนินคดี หรือเรียกค่าเสียหายจากผู้รับจ้างหรือหน่วยงานภาครัฐ จะแบล็กลิสต์ หรือ ระงับการรับงานโครงการภาครัฐในอนาคต หรือไม่ รวมไปถึงการเรียกร้องค่าเสียหาย หากการส่งมอบงานล่าช้ากว่ากำหนด ที่สร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงครั้งนี้ และจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดข้อครหาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงครั้งนี้” นายปารเมศ กล่าว
จากนั้น นายอนุทิน ชี้แจงว่า ในประเด็นความเกี่ยวข้องของตนกับบริษัทผู้รับจ้างนั้น ตนอยู่ในการเมือง เป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่ปี 2547 ตนมาจากภาคเอกชน ไม่ต่างจากผู้สถาปนาพรรคอนาคตใหม่ เมื่อตัดสินใจทำงานการเมือง รู้ถึงข้อจำกัดต้องเคลียร์ตัวเองให้เกลี้ยง ตนใช้เวลา 21 ปีในการเมือง ซึ่งการออกจากการเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชนหลายแห่ง ไม่เฉพาะ บริษัทซิโน-ไทย เท่านั้น และเมื่อมีการเลือกตั้ง 2562 รู้ว่าพรรคภูมิใจไทย จะมีโอกาสเข้าทำงานในสภา อย่างยั่งยืน สิ่งล่าสุดที่ทำเมื่อปีนั้น คือ ขายหุ้นในบริษัท ซิโน-ไทย ผ่านกลต. จนหมด และไม่มีการถือหุ้นใดๆ ที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ กฎระเบียบที่ทำงานการเมือง
“ผมไม่เกี่ยวข้องกิจการภาคเอกชนใดๆ ตั้งแต่ลาออกมาทำงานภาคการเมือง และเมื่อพ้นตำแหน่งทางการเมืองปี 2549 ตนไม่ได้กลับเข้าไปทำงานภาคเอกชนอีก กรณีนี้บริษัทรับจ้างที่ผมทำงาน 20 ปีก่อน การปกป้องเพื่อให้ประโยชน์ไม่มี ผมและซิโน-ไทย เหมือนไม่รู้จักกัน รู้แค่เป็นบริษัทก่อสร้างและทำธุรกิจอยู่ แต่เมื่อผมอยู่ในภาครัฐ ไปตรวจดูได้ว่า ไม่มีตรงไหนที่ผมเคยใช้ความเกี่ยวข้อง อิทธิพล การโน้มน้าวใดๆ ช่วยเหลือบริษัทนี้ ผมสบายใจที่จะตอบว่า ผมให้สัตยาบรรณว่า นอกจากจะให้อิสระในการตรวจสอบ รวมถึงการตั้งกรรมการตรวจสอบความเสียหาย ที่เป็นสิทธิของรรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งนี้การตรวจสอบต้องเน้นประโยชน์ของรัฐของราชการเป็นสำคัญ” นายอนุทิน ชี้แจง

นายปารเมศ ได้ถามอีกว่า เชื่อว่าประชาชนติดตามและได้ฟังคำชี้แจงของนายกฯ และตนขอฝากอีกว่า 1. คณะกรรมการการตรวจสอบ ความหมายของตนคือควรจะมีองค์กรที่เป็นอิสระที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางวิชาชีพเข้าร่วมการตรวจสอบด้วย และเป็นจำนวนที่มากเพียงพอที่จะให้ความเห็นที่มีน้ำหนักและประชาชนก็จะติดตามผลต่างๆ ในการตรวจสอบของคณะกรรมการด้วย ซึ่งตนเรียกร้องว่าผลการตรวจสอบแต่ละขั้นตอน ขอให้ท่านเปิดเผยต่อสาธารณะในทุกขั้นตอน ตนและเพื่อนๆสมาชิกพรรคประชาชนและประชาชนอีกมากมายจะคอยตรวจสอบในการตรวจสอบครั้งนี้ด้วย
“ผมขอเรียกร้องให้นายกฯ ใช้ความกล้าหาญทางการเมืองดำเนินดำเนินการเรื่องนี้อย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา สุดท้ายท่านมีเวลา 4 เดือน ผมขอฝากเรื่องระบบ เซลล์บอร์ดแคส ว่าวันที่เกิดเหตุผมลงพื้นที่ ประชาชนไม่รู้จะเอาข่าวสารที่รวดเร็วและแม่นยำจากไหน มีคนถามผมเยอะ นี่คือความไม่ชัดเจนคือความมืดมนท่ามกลางโศกนาฏกรรม ผมจึงต้องฝากว่ามีเวลา 4 เดือนให้รีบทำ และเพื่อให้สภาฯ แห่งนี้มีส่วนร่วมในการหาทางออกอย่างรอบด้านพรรคประชาชนจะยื่นญัตติด่วนให้เพื่อนสมาชิกได้เสนอข้อคิดเห็นและความเห็นต่างๆที่เป็นประโยชน์รวมถึงการตรวจสอบในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย“นายปารเมศ กล่าว

นายอนุทิน ชี้แจงว่า ในการตรวจสอบหากพบว่า เป็นความบกพร่องจากการก่อสร้าง ผู้รับจ้างต้องรับผิดชอบ ซึ่งในขั้นตอนนั้น รฟม.มีบริษัทตรวจการจ้างดูแล ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีทางที่มนุษย์หน้าไหนเอื้อประโยชน์ให้คนที่ทำผิด ผู้รับจ้างเหนื่อยแน่ ต่อให้เคลียร์ตัวเองได้ ต้องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรม หากพิสูจน์พบว่า บกพร่องรุนแรง มีขั้นตอนจะต้องเสียค่าชดใช้ตามสัญญาที่กำหนดไว้ชัดเจน เท่าที่ทราบ คือ สิ้นสุดเดือนสิงหาคม 70 หากส่วนที่เสียหายที่ต้องซ่อมเมื่อวันสัญญาสิ้นสุด ทำไม่เสร็จ ค่าปรับเดินแน่นอน
“ผมขอให้ความมั่นใจ เรื่องพวกนี้ ผมไม่เคยเสียหาย มีแต่เสียเพื่อนหลายคนแล้ว เพราะไม่ได้ใช้อิทธิพลหรือ ใช้อำนาจใดๆช่วยเหลือ หากใครขอผมจะเจอแต่ความว่างเปล่า แม้จะส่งไลน์มา ผมกดทิ้งไม่อ่านและจะบล็อกด้วย เพราะผมยึดถือการปกป้องประโยชน์ประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งการตั้งกรรมการนั้นยืนยันว่า ต้องมีผู้เชี่ยวชาญรอบด้าน ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ นอกจากไม่มีแล้ว ผมจะช่วยกระทืบด้วย เพราะเรื่องเหล่านี้ทำให้พวกผม ตัวผมเองในฐานะวิศวกรรู้สึกไม่ดี และผมเองจะติดตามงานด้วยตัวเองอย่างใกล้ชิด และทุกครั้งหลังประชุมจะเปิดเผยต่อสาธารณะทุกครั้ง
“ส่วนเรื่องเซลล์บอร์ดแคส มีแล้ว เสียดายผมไปพักร้อน 2 เดือนกว่า ถ้าผมอยู่อย่างต่อเนื่องเหตุการณ์เหล่านี้ประชาชนจะรู้มากกว่านี้ 4 เดือนนี้รู้มากกว่านี้แน่นอนและรู้เร็วกว่านี้ ถือว่าเป็นการแถมก็แล้วกัน เพราะหัวหน้านายณัฐพงษ์ บอกให้ผมแก้รัฐธรรมนูญกับยุบสภา แต่เรื่องนี้ผมจะรับข้อเสนอของท่านไปดำเนินการ”นายอนุทิน ชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการตอบกระทู้ถามสดดังกล่าวของนายอนุทินดังกล่าวถือเป็นกระทู้แรกนับตั้งแต่รับตำแหน่งนายกฯ

