ป.ป.ส. ร่วมหน่วยงานภาคี จับเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ ยึดไอซ์ครึ่งตัน กลางทะเลภูเก็ต

922

ภูเก็ต, วันที่ 29 กันยายน – พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., พล.ร.ท.ทรงฤทธิ์  ฉัตรเงิน ผู้ช่วยเลขาธิการ      ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.), พล.ร.ต.ภุชงค์ รอดนิกร รองผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคที่ 3 (ทรภ.3), พล.ร.ต.ปณิธิ  ทองเจือ ผู้อำนวยการสำนักการข่าว ทร., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.), พล.ต.ต.เศรษฐสิริ นิพภยะ ผู้บังคับการตำรวจน้ำ (รน.) และ พ.ต.อ.สรวิศ เสมอใจ ผู้กำกับการ 2 บก.ปส.4 แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 4 คน, พร้อมยาไอซ์ 502 กก. คีตามีน 600 กรัม บนเรือบรรทุกผู้โดยสาร สัญชาติไทย ชื่ออิลิกเซอร์ (Elixir) เหตุเกิดที่ บริเวณท่าเรืออ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต ขยายผลตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหาในพื้นที่ จ.ระนอง 3 จุด ตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่า 5 ล้านบาท

พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ กล่าวว่า กรมข่าวทหารเรือ (ขว.ทร.) สืบทราบว่ามีการเตรียมลำเลียงยาเสพติดปริมาณมากไปยังประเทศที่สาม จึงประสานการข่าวมายังสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ตนจึงได้มอบหมายให้ นายปฤณ สั่งชุดปฏิบัติการ ประสานความร่วมมือระหว่าง ป.ป.ส., ตำรวจน้ำ, กองทัพเรือ, ศรชล.ภาค 3, บก.ปส.4 และ ตำรวจระนอง ร่วมกันสืบสวน กระทั่งในวันที่ 24 กันยายน พบเรือ “อิลิกเซอร์” แล่นมาจาก จ.ระนอง และจอดอยู่บริเวณท่าเรืออ่าวฉลอง มีลักษณะผิดปกติ และบุคคลในเรือมีท่าทีพิรุธ ชุดปฏิบัติการจึงนำกำลังเข้าตรวจค้นเรือลำดังกล่าว

จากการตรวจค้นสามารถจับกุมผู้ต้องหา 4 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 คน เนื่องจากกระโดดลงน้ำหลบหนีขณะจับกุม พร้อมไอซ์ 502 กก. คีตามีน 600 กรัม ภายในห้องอับเฉาใต้ท้องเรือ นอกจากนี้ยังพบเครื่องบรรจุภัณฑ์สุญญากาศ จักรเย็บปากกระสอบแบบมือถือ และถุงชาเปล่าจำนวนมาก ต่อมาวันที่ 25 กันยายน ป.ป.ส. ร่วมกับ บก.สส.ภ.8, กก.8 บก.รน., ภ.จว.ระนอง, สภ.สุขสำราญ และ ฉก.ร.25 ร้อย ร.2521 (จุดตรวจ กม.70) ขยายผลตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหา ในพื้นที่ จ.ระนอง จำนวน 3 จุด สามารถตรวจยึดทรัพย์สินมูลค่า 5 ล้านบาท แต่ไม่พบยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมาย

จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า ห้วงเดือนกันยายน เรืออิลิกเซอร์แล่นออกจาก จ.ระนองไปรับยาไอซ์ จำนวน 40 กระสอบ (ประมาณ 1 ตัน) จากบริเวณใกล้เกาะสอง เมียนมา จากนั้นแล่นเรือไปบริเวณน่านน้ำ จ.สตูล เพื่อรอส่งยาเสพติด แต่ไม่มีผู้มารับ จึงนำเรือกลับไปที่ท่าเรืออ่าวฉลอง มีชายอีก 2 คน นำเครื่องบรรจุภัณฑ์สุญญากาศ จักรเย็บปากกระสอบแบบมือถือ และถุงชาเปล่าจำนวนมาก ขึ้นมาบนเรือ หลังจากนั้นบุคคลทั้งหมดได้ร่วมกัน นำไอซ์มาใส่บรรจุภัณฑ์ที่เตรียมไว้โดยใช้เวลา 3 วัน จากนั้นกลุ่มผู้ต้องหาจึงนำไอซ์ จำนวน 20 กระสอบไปส่งบริเวณน่านน้ำ จ.สตูล อีกครั้ง โดยมีเรือสปีดโบ๊ทมารับไป ส่วนไอซ์ที่เหลือประมาณ 20 กระสอบ เตรียมลำเลียงส่งบริเวณพื้นที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่เนื่องจากสภาพอากาศยังไม่เอื้ออำนวย ทำให้เรือลำดังกล่าวต้องจอดรออยู่บริเวณอ่าวฉลอง กระทั่งถูกเจับกุม

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้มาจากการบูรณาการด้านข่าวและการสืบสวนร่วมกับหน่วยงานภาคีที่ปฏิบัติการร่วมกัน รวมกำลังพลกว่า 100 นาย ที่ร่วมกันสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปประเทศที่สาม ปัจจุบันพบว่าเครือข่ายการค้ายาเสพติดข้ามชาติ ยังคงลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านการขนส่งทางเรืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2568 พบการจับกุมในน่านน้ำทะเลที่ประเทศไทย จำนวน 6 คดี ของกลางไอซ์ 7.3 ตัน และ น่านน้ำสากลในอาเซียน 9 คดี ของกลางไอซ์ 18.1 ตัน คีตามีน 3.4 ตัน โดยมีประเทศปลายทาง คือ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย

ทั้งนี้ ป.ป.ส. จะร่วมกับหน่วยงานภาคี บูรณาการด้านการข่าว และยกระดับความเข้มงวดในการลาดตระเวนตรวจตราพื้นที่ชายฝั่งทะเลที่เป็นพื้นที่เสี่ยงในการลักลอบส่งออกยาเสพติดทางทะเลของประเทศไทย เพื่อสกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปยังปลายทางประเทศที่สามโดยกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ และจะสืบสวนขยายผล รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ถึงระดับนายทุนผู้สั่งการ เพื่อขยายผลสืบหาทรัพย์สินและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาดำเนินคดีและเตรียมปฏิบัติการยึดอายัดทรัพย์สินตามกฎหมายต่อไป