นับแต่สมเด็จฮุน เซน ผู้นำจิตวิญญาณของเขมร ปล่อยคลิปเสียงสนทนาส่วนตัวกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ทำให้ข้อพิพาทระหว่างไทยกับเขมร กลายเป็นหนังยาวที่หาฉากจบยาก เพราะหลังจากที่คลิปเสียงแพร่ออกไปทำให้สถานการณ์ต่างๆ บานปลายออกไป ไม่ว่าจะเป็นกรณีสมเด็จฮุน เซน สั่งให้ทหารเขมรยิงถล่มไทยจนเปิดศึกสงคราม สร้างความสูญเสียทั้งสองฝ่าย และกลุ่มการเมืองในไทยนำขยายผลสอย น.ส.แพทองธาร ตกเก้าอี้นายกรัฐมนตรี
กระทั่งสภาผู้แทนราษฎรใช้แนวทางพิสดารโหวตเลือก นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อย สร้างความปลื้มปริ่มให้กับกลุ่มอนุรักษ์นิยมอย่างยิ่ง เพราะคาดหวังว่านายอนุทินจะสนองตอบในทุกด้าน และมั่นใจว่าจะแก้ปัญหาพิพาทไทยกับเขมรได้
แต่แค่ชิมลางส่ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ช่วงรักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ต่อมานั่งรัฐมนตรีว่าฯ รัฐบาลอนุทิน ไปเจรจา หลังเจรจามีข่าวว่าจะเปิดด่านบางส่วนเพราะประเทศที่สามร้องขอ เจอสื่อโซเชียลรุมถล่มเก็บฉากแทบไม่ทัน เนื่องจากกระแสรักชาติและคลั่งชาติที่ถูกปลุกเพื่อถล่มรัฐบาลแพทองธาร จุดติดแล้ว และกำลังลามไปเผารัฐบาลฮุนมาเน็ตด้วย เพราะคนเขมรเริ่มก่อกระแสต่อต้าน เนื่องจากความเป็นอยู่ขัดสน แต่ครอบครัวฮุน เซน กินหรูอยู่สบาย
ผลการเจรจาเพื่อปูทางสู่สันติภาพ รวมถึงเปิดด่านค้าขายจะเกิดขึ้นเมื่อใดสุดจะคาดเดา แต่ผลการกระทำของสมเด็จฮุน เซน คนไทยทั้งประเทศหูตาสว่าง ที่ทำให้ตื่นรู้ว่าที่ผ่านมาไทยได้เสียดินแดนให้กับเขมรไปจำนวนมาก และบางพื้นที่ปล่อยให้กลุ่มจีนเทาจับมือกับนักธุรกิจเขมรสร้างกาสิโน แถมรัฐบาลช่วงปี 2559 อนุมัติงบประมาณสร้างถนน 4 ช่องจราจรไปถึงบ่อนอีกต่างหาก
ถ้ามองถึงความเป็นจริงแล้ว ปัญหาเขมรบุกรุกยึดพื้นที่ไทยมีมานานนับสิบปีแล้ว แต่ผู้นำรัฐบาลและผู้นำทหารที่ปากตะโกนว่ารักชาติตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ใส่ใจที่จะแก้ปัญหา
ปัญหานี้มีเพียงนายวีระ สมความคิด นักการเคลื่อนไหวทางการเมืองเท่านั้น ที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง กระทั่งถูกทหารเขมรจับกุมในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้บัญชาการทหารบก
หลังพ้นคุกเขมร นายวีระออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง พร้อมโชว์หลักฐานว่าบริเวณที่ถูกจับกุมคือแผ่นดินไทย เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายต่างขานรับ แต่ความเคลื่อนไหวของนายวีระ ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่ขานรับเพราะรู้สึกว่าธุระไม่ใช่
แต่เมื่อสมเด็จฮุน เซน สั่งถล่มไทยจนเกิดการปะทะกัน พวกที่อ้างว่าเป็นคนดีต่างถล่มรัฐบาลแพทองธารอย่างหนัก พร้อมยกวาทะของ พล.อ.ประยุทธ์ ผบ.ทบ. ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีพิพาทกับเขมรบริเวณเขาพระวิหาร ว่าจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียวให้กับเขมร แชร์ผ่านสื่อโซเชียลจำนวนมาก แต่วาทะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะพูดจริงหรือไม่สุดจะคาดเดา แต่ถูกแชร์เป็นวงกว้างไปแล้ว
ด้วยผลการทำสงครามระหว่างไทยกับเขมร ถึงขั้นเจรจาหยุดยิงกัน พอเสียงระเบิดยุติ กลิ่นควันปืนจางหาย ทหารไทยประกาศชัยชนะว่าทหารสามารถยึดคืนผืนดินที่ถูกเขมรรุกล้ำมาได้ถึง 11 จุด แต่ละจุดมีสิ่งปลูกสร้างทั้งแบบถาวรและเพิงพัก ประกอบด้วย ช่องสายตะกู ปราสาทตาเมือนธม จ.บุรีรัมย์ ปราสาทตาควาย ช่องจอม จ.สุรินทร์ ผลาญยาว ภูมะเขือ พระวิหาร และปราสาทโตนตวล จ.ศรีสะเกษ สัตตะโสม ช่องอานม้า และช่องบก จ.อุบลราชธานี
ขณะที่ในพื้นที่จันทบุรีและตราด ไม่ธรรมดา ระหว่างที่นายอนุทินกำลังฟอร์มรัฐมนตรี หลายฝ่ายเปิดข้อมูลว่ามีนักการเมืองมีชื่อติดโผเป็นเสนาบดี ร่วมมือกับกลุ่มจีนเทาและนักธุรกิจเขมร สร้างกาสิโนล้ำพื้นที่ไทยบริเวณ จ.ตราด ซึ่งผู้บัญชาการทหารเรือยอมรับว่ารุกล้ำพื้นที่ไทยจริง อยู่ในขั้นรอเจรจาและทุบทิ้งบางส่วน
ดังนั้นที่จั่วหัวว่าคนไทยต้องขอบใจ”ฮุน เซน” น่าจะถูกต้องที่สุด เพราะผลการกระทำของสมเด็จฮุน เซน ทำให้ประชาชนคนธรรมดาอย่างพวกเราได้เห็นธาตุแท้ของผู้นำรัฐบาลและผู้นำทหารแต่ละยุค ว่ามิได้ทำหน้าที่เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติแบบเต็มร้อย
แม้ยุคเผด็จทหารที่พยายามปลุกให้คนไทยรักชาติรักแผ่นดิน จนทำให้บางกลุ่มถึงขั้นคลั่งชาติ เชิดชูเผด็จทหารกันแบบหน้ามืดตามัว พอความจริงปรากฏเปิดให้สันดานว่าเผด็จทหารกลุ่มนั้นมิได้รักชาติจริง เพราะถ้ารักชาติรักแผ่นดินตามที่ปลุกระดมไว้ เหตุการณ์ทหารไทยยึดคืน 11 จุด และสร้างกาสิโนรุกล้ำแผ่นดินไทยคงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นับจากนี้ไป ขอให้ประชาชนทุกคนเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของรัฐบาลนายอนุทิน รวมถึงผู้นำเหล่าทัพ ว่าจะแก้ปัญหาข้อพิพาทไทยกับเขมรให้จบแบบยอมๆ เหมือนยุครัฐบาลเผด็จการทหาร หรือจบแบบยึดพื้นที่ที่ยังรุกล้ำคืนทั้งหมด แล้วจัดการกับเขมรให้อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตอบโต้ได้อีก
ซึ่งเป็นโจทย์ยากของรัฐบาลนายอนุทิน ต้องตัดสินใจ เพราะสถานการณ์ ณ เวลานี้ คำว่าขายชาติกับรักชาติมีแค่เส้นบางๆ คั่นเท่านั้น!!!
