นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเสนอโมเดลตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยให้ผู้สนใจสมัครเข้ามาและให้รัฐสภาคัดเลือก ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับพรรคประชาชนได้ยื่นกับประธานรัฐสภาไปแล้ว แต่ร่างของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ตนยังไม่เห็น แต่ได้ทราบถึงรายละเอียด ซึ่งมีข้อสังเกต 2 ข้อ ต่อร่างของทั้ง 2 พรรคการเมือง
ข้อสังเกตแรก ต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด ตราบเท่าที่ไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยเห็นว่าโมเดลของพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ควรเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากกว่านี้ ซึ่งเห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีการเปิดให้ประชาชนเลือกตั้งผู้แทน 200 คน ก่อนจะให้รัฐสภาเลือก แต่อีกส่วนที่มาจากวิชาชีพต่าง ๆ ตนเข้าใจว่าประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการเลือกหรือออกเสียงเลย ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ตามข้อมูลที่ปรากฏเมื่อวานนี้ (22 ก.ย. 68) เห็นได้ว่าใช้วิธีการเปิดรับสมัคร โดยที่ประชาชนไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดสรรรายชื่อที่จะส่งต่อมาที่รัฐสภา จึงอยากเห็นการมีส่วนร่วมของประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่
ส่วนข้อสังเกตที่สอง ต้องการทำให้ความเสี่ยงของการที่ฝ่ายใดจะกินรวบหรือผูกขาด ส.ส.ร. หรือคณะกรรมาธิการยกร่าง ให้มีความเสี่ยงต่ำที่สุด หัวใจของเรื่องนี้คือการออกแบบวิธีการให้รัฐสภาคัดเลือกผู้สมัครหรือผู้ที่ถูกสรรหาอย่างไร ซึ่งโมเดลของพรรคประชาชน คณะกรรมาธิการยกร่าง จะให้รัฐสภาคัดจากตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา 70 คน ให้เหลือ 35 คน แต่วิธีการคัดเลือกให้แบ่งตามสัดส่วน สส. สว. และพรรคการเมือง
เมื่อถามว่าเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยเสนอโมเดลนี้ เพราะต้องการป้องกันไม่ให้มีการไปร้องศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ยึดตามคำวินิจฉัยของศาล นายพริษฐ์ ยืนยันว่า โมเดลของพรรคประชาชนไม่ได้ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะข้อความเบื้องต้นของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญเขียนเพียงว่า ไม่ให้ประชาชนไปเลือกผู้ร่างโดยตรง ซึ่งโมเดลของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้มีส่วนไหนเขียนว่าให้ประชาชนไปเลือกผู้ร่างโดยตรง อย่างไรก็ดี ขอทวงถามคำวินิจฉัยเต็ม จะได้มีความสบายใจมากขึ้น
เมื่อถามว่าจะกลายเป็น ส.ส.ร. สีน้ำเงินหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนไม่ต้องการให้ ส.ส.ร. เป็นสีใดสีหนึ่งเลย จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด และต้องไม่ใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ไม่เช่นนั้นจะเป็นกลุ่มตัวแทนของเสียงข้างมาก กลุ่มเสียงข้างน้อยจะไม่มีตัวแทนเลย
เมื่อถามย้ำว่าทิศทางตอนนี้อาจจะนำไปสู่ ส.ส.ร. สีน้ำเงิน นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นขั้นตอนแรกที่ให้ 3 พรรคยื่นโมเดลเข้ามา ท้ายที่สุดแล้วเมื่อผ่านวาระรับหลักการ ก็จะเกิดข้อสรุปจากการถกเถียงในชั้นกรรมาธิการ ตนคิดว่ายังเป็นรายละเอียดที่สามารถพูดคุยได้ ยิ่งประชาชนส่งเสียงมากขึ้นเท่าไรว่าอยากเห็น โมเดล ส.ส.ร. เป็นแบบใดหรือกังวลใจอะไร ก็อาจจะทำให้ สส. เข้าไปผลักดัน ตามความต้องการของประชาชนให้ได้มากที่สุด
เมื่อถามว่า ส.ส.ร. สีน้ำเงิน กับ รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ฉบับ กลัวสิ่งใดมากกว่ากัน นายพริษฐ์ ระบุว่า ไม่ได้เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาทั้งคู่ ตนคิดว่าสังคมไทยสามารถมีโมเดลในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ดีกว่าทั้งสองตัวอย่างนี้ได้ ยืนยันว่ารัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศที่ต้องใช้ในการอยู่ร่วมกัน แน่นอนว่าประชาชนอาจจะเห็นไม่ตรงกันทุกเรื่อง แต่อย่างน้อยก็มีกติกาซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ดังนั้น หากผู้ยกร่างกติกา เป็นตัวแทนจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว ตนคิดว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว
เมื่อถามว่าหากโมเดลของพรรคภูมิใจไทยสามารถอธิบายได้ว่าสมาชิกรัฐสภาก็เป็นตัวแทนของประชาชนเหมือนกัน เพราะมี สส. มาจากการเลือกตั้ง พอจะฟังขึ้นหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวยกตัวอย่างการประชุมวิปฝ่ายค้าน เมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ก็จะมีการเสนอชื่อให้แต่ละพรรค แน่นอนว่าตามข้อบังคับการประชุมอาจจะใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง แต่ก็เป็นที่เข้าใจตรงกัน ว่าควรมีตัวแทนของทุกฝ่ายอยู่ตรงนั้น ดังนั้น อาจมีข้อกังวลใจว่าสักวันนึงหากใครจะเอาข้อบังคับนี้ไปใช้ในการทำให้คณะกรรมการวิสามัญได้แต่ตัวแทนเสียงข้างมากอย่างเดียว จึงคิดว่าการไปเขียนกติกาให้เป็นไปตามสัดส่วน น่าจะปลอดภัยที่สุด

