วันที่ 17 กันยายน 2568 ณ อาคารรัฐสภา อนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาการให้เช่าเหมาอาคารของการเคหะแห่งชาติ นำโดย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน จัดการประชุมครั้งที่ 6 เพื่อพิจารณาแนวทางแก้ไขปัญหาโครงการอาคารเช่าแบบเช่าเหมาของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) โดยการประชุมกินเวลายาวนานกว่า 4 ชั่วโมงเต็ม ท่ามกลางบรรยากาศการซักถามอย่างเคร่งเครียด

ที่ประชุมครั้งนี้ได้เชิญผู้แทนจาก สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) และ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เข้าชี้แจงเพิ่มเติม เนื่องจากคณะอนุกรรมาธิการต้องการทราบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพื่อเร่งสรุปข้อมูลและเตรียมเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์คนใหม่เข้ามากำกับดูแลอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มต้น

ทั้งนี้ หนึ่งในปัญหาสำคัญที่สะท้อนชัดเจนคือค่าเช่าที่สูงเกินจริง โดยพบว่าในบางโครงการมีการเก็บค่าเช่ารายย่อยสูงถึง 3,040 บาทต่อเดือน ทั้งที่ราคาเฉลี่ยตามเอกสารโครงการกำหนดไว้เพียง 1,900 บาท เท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีการเรียกเก็บ “ค่าแรกเข้า” เพิ่มเติม ซึ่งคณะอนุกรรมาธิการเห็นว่าเป็นการจัดเก็บที่ไม่เหมาะสมสำหรับโครงการที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย และเป็นภาระเกินความจำเป็นของประชาชน.แม้การเคหะฯ จะอ้างว่าโครงการใหม่นี้แตกต่างจากโครงการเช่าเหมาชุดเดิม 26 โครงการที่เคยมีปัญหา โดยปรับเกณฑ์การพิจารณาให้เน้นคุณภาพชีวิตถึง 90% และใช้ราคาเพียง 10% แต่คณะกรรมาธิการฯ กลับตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่เอกชนเสนอในเกณฑ์ 90% ส่วนใหญ่เป็นเพียงงานพื้นฐาน เช่น การทำความสะอาดหรือการจัดการพื้นที่ส่วนกลาง ไม่ได้สะท้อนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแท้จริง

อีกทั้งยังมีข้อสงสัยต่อการพิจารณาคะแนนที่ให้เอกชนผ่านเกณฑ์ 75% ทั้งที่เอกสารหลายส่วนไม่สมเหตุสมผล และบางกรณีถึงขั้นพบว่ามีการนำผลงานของบุคคลอื่นมาสวมเป็นของตนเอง ขณะเดียวกัน การติดตามตรวจสอบหลังจากที่เอกชนได้รับมอบหมายให้บริหารโครงการแล้ว กลับไม่มีกรอบชัดเจน ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเอกชนปฏิบัติตามที่เสนอไว้จริงหรือไม่

จากข้อกังวลเหล่านี้ คณะอนุกรรมาธิการจึงมีมติให้เร่งตรวจสอบรายละเอียดของโครงการเช่าเหมาทั้งหมด และเตรียมทำหนังสือความเห็นส่งไปยังหน่วยงานตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง เช่น ป.ป.ช. และ ปปง. พร้อมทั้งจัดทำรายงานสรุปเสนอคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เพื่อพิจารณาทบทวนสัญญาที่เกี่ยวข้องกับยูนิตอาคารเช่าเกือบ 30,000 หน่วย อันเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันโดยตรงกับสิทธิของประชาชนผู้มีรายได้น้อยและประโยชน์สาธารณะ
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดนัดครั้งถัดไปในวันที่ 24 และ 25 กันยายน โดยจะเชิญผู้แทนการเคหะแห่งชาติมาชี้แจงเพิ่มเติม และอาจหารือกับรัฐมนตรีคนใหม่โดยตรง เพื่อให้ได้ข้อมูลรอบด้าน ก่อนการแถลงข่าวและรายงานผลการพิจารณาต่อสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นทางการ

