วันนี้ (16 กันยายน 2568) ในที่ประชุมวุฒิสภา นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้หยิบยกสองประเด็นสำคัญขึ้นมาปรึกษาหารือต่อที่ประชุม ซึ่งเป็นเสียงสะท้อนจากประชาชนจากการลงพื้นที่กิจกรรม “สว.พบประชาชน” ในภาคกลางตอนล่าง จังหวัดสมุทรสาครและสมุทรสงคราม ระหว่างวันที่ 28–29 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ประเด็นแรก คือปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ผันผวนและตกต่ำ โดยเฉพาะมะพร้าวและมะนาว เกษตรกรจำนวนมากสะท้อนความเดือดร้อนตัวอย่างเช่น วันที่ 29 สิงหาคม 2568 ที่ล้งของกรมการค้าภายใน จังหวัดราชบุรี มีการรับซื้อมะพร้าวน้ำหอมเพียง 3–3.5 บาทต่อผล หรือแม้แต่ข้อมูลในกลุ่มเฟซบุ๊กผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งมีสมาชิกกว่า 2.1 แสนคน ก็รายงานราคาซื้อขายอยู่ที่เพียง 3–5 บาทต่อผลเท่านั้น สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ปัญหามิได้เกิดเฉพาะในพื้นที่ที่ตนลงไปพบประชาชน แต่แพร่ขยายไปยังหลายจังหวัด และจำเป็นต้องมีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อรองรับความผันผวน คุ้มครองรายได้ของเกษตรกรให้มั่นคง จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือกระทรวงพาณิชย์ และกระทรงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาเรื่องนี้ด้วย
ประเด็นที่สอง คือเรื่องการพิจารณากำหนดราคากลางสำหรับการจ้างเหมาเรือดูดเลน จังหวัดสมุทรสงคราม รวมถึงอีกหลายจังหวัดที่มีลำคลองประสบปัญหาความตื้นเขินและการทับถมของเลน ปัญหานี้ทำให้เกิดแก๊สไข่เน่า น้ำเน่าเสีย และส่งผลให้ผักตบชวาขยายตัวอย่างรวดเร็ว ภาคประชาชนในนาม “ประชาคมคนรักแม่กลอง” ได้รวมตัวกันและผลักดันการใช้เรือดูดเลนอย่างจริงจัง ซึ่งจากการทดลองเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 ที่หน้า อบต.คลองโคน พบว่าต้นทุนการดูดเลนอยู่ที่ประมาณ 15 บาทต่อหน่วย แต่ยังไม่สามารถนำไปใช้จริงได้ เนื่องจากไม่มีการกำหนดราคากลางสำหรับการจ้างเหมา ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถจัดซื้อจัดจ้างเพื่อแก้ปัญหาได้ ตนจึงขอให้วุฒิสภาส่งต่อประเด็นนี้ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมชลประทานหรือกรมบัญชีกลาง เพื่อร่วมกันหาข้อสรุปและวางมาตรฐานราคากลางสำหรับการจ้างเหมาเรือดูดเลนต่อไป

