“วราวุธ” อำลาเก้าอี้ รมว.พม. เผย 2 ปีสุดอบอุ่น ฝากใจไว้ที่บ้านสีชมพู

630

“วราวุธ” อำลา พม. เผย 2 ปีที่ผ่านมาอบอุ่นหัวใจ ชี้หากได้รับงบไม่เต็มที่ การกระตุ้นเศรษฐกิจคงไม่เกิดผล พร้อมมอบโล่เกียรติคุณให้ ปลัดอนุกูล-ผู้เกษียณของ พม. ขอบคุณที่อุทิศตนเพื่อราชการ

เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. ที่กระทรวง พม. นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) อำลาตำแหน่ง และเป็นประธานในพิธีมอบโล่เกียรติคุณและของที่ระลึกแก่ผู้เกษียณอายุราชการกระทรวง พม. ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยมีจำนวนทั้งสิ้น 188 คน ซึ่งหนึ่งในผู้เกษียณอายุราชการปีนี้ คือ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม.

นายวราวุธ กล่าวว่า กระทรวง พม. ตระหนักถึงความสำคัญของบุคลากรภาครัฐทั้ง ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลูกจ้างประจำ เพราะเป็นกำลังสำคัญที่ทุ่มเท และเป็นที่รักของน้องๆ ซึ่งคนที่มอบโล่เกียรติคุณไปก่อนคนที่รับโล่เกียรติคุณ อย่างไรก็ตาม เห็นคนที่รับมอบแล้ว สะท้อนถึงการทำงาน และมองว่าอายุ 60 ปี ยังเร็วเกินไปที่จะเกษียณอายุราชการ หลายคนยังมีความสดใส สุขภาพแข็งแรง และเชื่อว่าชาว พม. จะสานต่องานที่รุ่นพี่ทำไว้ ทั้งนี้แม้เกษียณอายุราชการไปแล้วความรู้ความสามารถของท่านจะยังมีอยู่ ขออย่าอยู่เฉยในการทำงานให้กับประเทศ

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า ขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเททำงานเพื่อกระทรวง พม. ทุกคนถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญ ไม่มีใครใหญ่ ไม่มีใครเล็ก ไม่มีใครสำคัญน้อยหรือมากไปกว่ากัน เพราะหากไม่มีใครทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ งานก็จะไม่สามารถขับเคลื่อนได้

นอกจากนี้ นายวราวุธยังกล่าวถึง ปลัดกระทรวง พม. ที่หลังจากเกษียณจะไปช่วยงานที่จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และถ้าใครที่เกษียณแล้วอยากไปอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีก็มาได้เลย เพราะทุกวันนี้มีแต่คนแต่งงานออกไปนอกจังหวัด อยากให้คนเข้ามาที่สุพรรณบุรีเยอะๆ เพราะจะได้มาลงคะแนนเลือกตนเป็น สส. อีก

จากนั้น ปลัดกระทรวง พม. และเจ้าหน้าที่ได้จัดพิธีอำลาตำแหน่งให้กับนายวราวุธ โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม. ได้กล่าวเปิดใจว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ขอขอบคุณทุกคนจากใจ จากคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ พม. วันนี้ภาพที่ตนมองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หากตนไม่มีทีมงานที่เข้มแข็งคงไม่สามารถทำงานให้เข้าใจและพัฒนาในหลายมิติได้

จากนี้ไปแม้จะต้องไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต เพราะการที่ประเทศไทยจะเดินหน้าได้จะต้องเริ่มต้นที่กระทรวง พม.

“หากกระทรวงนี้ยังไม่ได้รับงบประมาณอย่างเต็มที่ และยังต้องมานั่งทอดผ้าป่าทอดกฐิน การจะใส่เงินลงไปในเศรษฐกิจก็คงไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งรัฐมนตรีก็เป็นเพียงแค่หัวโขนอีกหนึ่งใบ อีกไม่นานจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ จะมีรัฐมนตรีคนใหม่มา ขอฝากเพื่อน พม. มีอะไรฝากท่านไปให้หมด อะไรที่ต้องปรับปรุงให้แจ้งกับรัฐมนตรีไป เพราะความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนไม่มีฝ่ายรัฐบาลไม่มีฝ่ายค้าน การเปลี่ยนรัฐมนตรีไม่ได้หมายความว่าความลำบากจะหมดไป แต่อะไรดีๆ ขอให้สานต่อ ทุกๆ ย่างก้าวของผมจากนี้ไม่ว่าอยู่ในสถานะอะไรก็แล้วแต่ พม. จะอยู่ในความคิด ความทรงจำ จากนี้ไปจะคิดถึง คนแก่ คนพิการ และกลุ่มเปราะบางเสมอนี่คือสิ่งที่ครอบครัวศิลปอาชาทำมาตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา” นายวราวุธ กล่าว

นายวราวุธยังกล่าวอีกว่า รู้สึกภูมิใจมากที่ได้มาอยู่ในบ้านสีชมพูหลังนี้ ไม่เคยได้รับความอบอุ่นเท่านี้มาก่อน ซึ่งทำให้เกิดความใกล้ชิดและได้เห็นศักยภาพของชาว พม. จากนี้ไปไม่ว่าเจอกันที่ไหนขอให้ทักทายกัน ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาเราทำงานร่วมกันขอให้ความสัมพันธ์ดีๆ เช่นนี้ยังคงอยู่และหวังว่าอนาคตอันใกล้จะเห็นกระทรวง พม. เป็นกระทรวงที่สำคัญที่สุด

นอกจากนี้ นายวราวุธยังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงสิ่งที่ยังทำแล้วยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ในการทำงาน พม. ว่า มีหลายจุด แต่ไม่ได้ค้างคา เพราะเมื่อมีการตั้ง ครม. ชุดใหม่ หน้าที่ของตนจะจบลง และที่ผ่านมาเราทำเต็มที่ที่สุด ภารกิจใดที่ยังทำไม่เป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่ายที่ต้องดำเนินการต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยายกาศการอำลาเป็นไปด้วยความอบอุ่น เจ้าหน้าที่ต่างมอบดอกกุหลาบ และพวงมาลัย ให้กับนายวราวุธพร้อมตะโกนว่า “รักพี่ท็อปๆๆ” ซึ่งจะเข้ามาทำงานที่กระทรวง พม. เป็นวันสุดท้าย