กรุงเทพฯ วันที่ 12 ก.ย. – “บูม” ปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สส.กรุงเทพมหานคร เขต 1 พรรคประชาชน เรียกร้องให้รัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล เร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดจากนโยบายกัญชาเสรี ของพรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่าในฐานะสส.ได้รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงจากนโยบายกัญชาเสรี โดยเฉพาะในย่านท่องเที่ยวสำคัญอย่างถนนข้าวสาร สีลม และเยาวราช ซึ่งควรเป็นพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพ แต่กลับเต็มไปด้วยกลิ่นกัญชาในที่สาธารณะ จนสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้พักอาศัย และทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวอย่างน่าเป็นห่วง
ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และไม่ควรถูกมองข้าม เพราะไม่ได้กระทบเพียงมลภาวะทางกลิ่นหรืออากาศเท่านั้น แต่ยังส่งผลอย่างรอบด้าน ทั้งต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ได้แก่ เยาวชนเข้าถึงกัญชาได้ง่าย ไม่มีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด ทำให้เสี่ยงต่อการเสพติดและการแพร่ระบาดในกลุ่มเยาวชน ขณะที่ไม่มีการกำหนดเขตพื้นที่ (Zoning) ที่ชัดเจน ส่งผลให้เกิดการใช้ในพื้นที่สาธารณะโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของผู้อื่น ที่สำคัญภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยถูกบั่นทอน โดยเฉพาะในสายตานักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวและผู้มาเยือนที่มองหาประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ

“ด้วยเหตุนี้ ผมขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของพรรคภูมิใจไทยและนายอนุทิน ชาญวีรกูล ผู้ผลักดันนโยบายกัญชาเสรี ต้องทบทวนและแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ด้วยมาตรการที่ชัดเจนและจริงจัง ดังนี้ 1. กำหนดให้กัญชามีสถานะเพื่อการแพทย์เท่านั้น พร้อมกลไกควบคุมที่รัดกุม 2. หากใช้เพื่อการรักษา ต้องอยู่ภายในสถานที่ที่ได้รับอนุญาตโดยชัดแจ้ง เช่น โรงพยาบาล คลินิก หรือสถานบริการทางการแพทย์ ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ 3. ดำเนินการปราบปรามการใช้กัญชาในที่สาธารณะอย่างจริงจัง เพื่อคืนสิทธิการใช้ชีวิตประจำวันให้ประชาชน และฟื้นฟูภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย 4. ป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน ด้วยมาตรการตรวจสอบ การบังคับใช้กฎหมาย และบทลงโทษที่เข้มงวด พร้อมทั้งสร้างช่องทางให้ประชาชนสามารถร้องเรียนได้เมื่อพบการกระทำผิด” สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าว
แม้รัฐบาลนี้อาจเหลือเวลาไม่มากก่อนการยุบสภา แต่ปัญหากัญชาถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขทันที หากเพิกเฉย ปล่อยให้สถานการณ์ลุกลาม ผลเสียจะทับถมจนยากต่อการแก้ไขในอนาคต ในฐานะผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าจะทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนอย่างไม่ลดราวาศอก พร้อมติดตาม ตรวจสอบ และผลักดันในสภาอย่างจริงจัง จนกว่ารัฐบาลจะลงมือแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม

