หน้าแรกการเมืองครม. รับทราบผลการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลัง พ.ร.ก.ไซเบอร์ ฉบับแก้ไข-พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล มีผลใช้บังคับ

ครม. รับทราบผลการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หลัง พ.ร.ก.ไซเบอร์ ฉบับแก้ไข-พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล มีผลใช้บังคับ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ณ ห้องประชุม ทำเนียบรัฐบาล

โดย ครม. มีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ครั้งที่ 6/2568 ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอ ซึ่งได้จัดประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธาน ครั้งที่ 5/2568 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) สมาคมธนาคารไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (สมาคมโทรคมนาคมฯ) เพื่อบูรณาการการทำงานและขับเคลื่อนการแก้ปัญหาภัยออนไลน์
                   
ทั้งนี้ ตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีได้มีการกำหนดมาตรการที่สำคัญหลายประการ เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งส่งผลให้การดำเนินการภายหลังจากที่มีการบังคับใช้มาตรการภายใต้ พ.รก. ฉบับนี้ ทำให้การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานที่สำคัญในระยะ 60 วัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินการปราบปรามจับกุมอาชญากรรมออนไลน์ และมีคดีที่สำคัญ รวมทั้งเร่งรัดจับกุมผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง ในเดือนพฤษภาคม – เดือนมิถุนายน 2568 ดังนี้ 1. การจับกุมคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมทุกประเภท ในเดือนพฤษภาคม 2568 มี จำนวน 3,012 ราย และในเดือนมิถุนายน 2568 มีจำนวน 3,550 ราย 2. การจับกุมคดีพนันออนไลน์ ในเดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวน 1,095 รายและในเดือนมิถุนายน 2568 มีจำนวน 1,097 ราย และ 3. การจับกุมคดีบัญชีม้า ซิมม้า และความผิดตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในเดือนพฤษภาคม 2568 มีจำนวน 359 ราย และในเดือนมิถุนายน 2568 มีจำนวน 710 ราย
ขณะที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ดำเนินการปิดกั้นโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ผิดกฎหมายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ระยะเวลา 9 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 สามารถดำเนินการประสานการปิดกั้นเว็บไซต์ผิดกฎหมายประเภทพนันออนไลน์ จำนวน 62,805 รายการ ประเภทหลอกลวงออนไลน์ จำนวน 1,242 รายการ และอื่น ๆ จำนวน 51,860 รายการ รวมทั้งสิ้น จำนวน 115,907 รายการ และประสานการปิดกั้นแพลตฟอร์ม (Facebook/YouTube/X/TikTok) เกี่ยวกับเนื้อหาที่ผิดกฎหมายและหลอกลวงออนไลน์ แบบมีคำสั่งศาลจำนวนแจ้งขอการปิดกั้น 12,646 รายการ และไม่มีคำสั่งศาล จำนวนแจ้งขอการปิดกั้น 37,919 รายการ
 
ส่วนมาตรการแก้ไขปัญหาบัญชีม้า เร่งอายัด และตัดตอนการโอนเงิน มีการระงับบัญชีม้า โดย AOC ระงับบัญชีชั่วคราว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 เดือนมิถุนายน 2568 จำนวน 440,347 บัญชี (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ทำการอายัดบัญชีไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม 2566 – วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 จำนวน 833,725 บัญชี (ข้อมูล ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2568) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) มีมาตรการจัดการบัญชีสินทรัพย์ดิจิทัล ในเดือนมิถุนายน – เดือนกรกฎาคม 2568 โดยผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ระงับบัญชีม้าแล้วประมาณ 29,000 บัญชี รวมมูลค่า 186,000,000 บาท

นอกจากนี้ ครม. ยังมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้า การให้บริการ หรือการนำเข้าทุกกรณีตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 646) พ.ศ. 2560 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 790) พ.ศ. 2567 ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 กันยายน 2568 โดยยังคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 6.3 (ไม่รวมภาษีท้องถิ่น) หรือร้อยละ 7 (รวมภาษีท้องถิ่น) ต่อไปอีก เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569 เนื่องจากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ยังมีข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงจากภาระหนี้สินของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำและการปรับตัวลดลงของอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ตลอดจนยังมีความผันผวนของระบบเศรษฐกิจการค้าโลก 

ดังนั้น การขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะเป็นการลดผลกระทบจากค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นการบริโภคของประชาชน ซึ่งจะส่งผลให้ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยและการลงทุนภาคเอกชนภายในประเทศขยายตัวได้ตามเป้าหมาย และสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบธุรกิจให้แก่ภาคเอกชน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img