ETDA เปิดวิสัยทัศน์ ปี 69 เร่งสร้าง Digital Trust วางบทบาททั้ง ร่วมสร้าง-กำกับ-ส่งเสริม พาประเทศเข้าสู่สังคม-เศรษฐกิจ ดิจิทัล

560

กรุงเทพฯ 9 กันยายน 2568 –  สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงผลงานประจำปี “15 ปี ETDA CO-CREATING A FUTURE OF DIGITAL TRUST” พร้อมเปิดวิสัยทัศน์แห่งอนาคต ปี 2569 โดย ดร.ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่ากว่า 15 ปีที่ ETDA มุ่งเดินหน้าขับเคลื่อนการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศให้มั่นคงปลอดภัย น่าเชื่อถือ ร่วมสร้างสังคมดิจิทัล ที่มาพร้อมเป้าหมายใหญ่กับตัวเลข 30:30 ที่ต้องไปให้ถึงภายในปี 2570 ทั้งการเพิ่มสัดส่วนมูลค่าเพิ่มเศรษฐกิจดิจิทัลต่อ GDP เป็น 30% และ 30 อันดับแรกของโลกที่มีความสามารถการแข่งขันทางดิจิทัล

ที่ผ่านมา ETDA ได้เดินหน้าขับเคลื่อนงานอย่างเข้มข้นด้วยบทบาท ร่วมสร้าง กำกับดูแล และอำนวยความสะดวก (Co-Creation Regulator & Facilitator) ที่มุ่งกำกับดูแลธุรกิจบริการดิจิทัล ทั้ง Digital ID และแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อให้เกิดบริการที่โปร่งใส เป็นธรรม ควบคู่การส่งเสริมเพื่อให้ทุกภาคส่วนพร้อมเปลี่ยนผ่านสู่การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในโลกดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ โดยปี 2568 มีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ไม่ว่าเป็น ร่วมสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และระบบนิเวศ (Digital Infrastructure & Ecosystem) ที่น่าเชื่อถือด้วย Digital IDผ่านการขับเคลื่อน Digital ID Framework ที่ผลักดันให้ Digital ID เป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ ปัจจุบันมีผู้ให้บริการ Digital ID ที่ได้รับอนุญาตแล้ว 26 ใบอนุญาต เชื่อมต่อ e-Service ภาครัฐแล้ว 1,315 บริการ เช่น เสียภาษี ย้ายทะเบียนบ้าน จ่ายค่าน้ำไฟ และเช็กสิทธิรักษาพยาบาล เป็นต้น มีผู้ใช้งาน Digital ID เพิ่มขึ้นถึง 151.1  ล้านบัญชี

ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่า เพิ่มความเชื่อมั่นต่อบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ด้วยกลไกกำกับดูแลที่ชัดเจนขึ้น ภายใต้กฎหมาย DPS ที่มุ่งคุ้มครองผู้ใช้งานทุกกลุ่มและสร้างนิเวศที่ปลอดภัย ลดเสี่ยงจากการใช้งาน วางทิศทางการกำกับดูแลตนเองของผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มฯ อย่างเป็นระบบ กำหนดหน้าที่ชัดเจนขึ้น เชื่อมระบบเปิดช่องให้ผู้ใช้งานเช็กรายชื่อแพลตฟอร์มที่ผ่านการแจ้งข้อมูลฯ กับ ETDA สร้างชุมชนการกำกับดูแลแบบมีส่วนร่วมผ่านแคมเปญ DPS Trust Every Click ร่วมกับคณะกรรมการร่วมฯ หน่วยงานกำกับดูแลอื่นๆ (สคบ., อย., กสทช., กรมขนส่งทางบก, สมอ.) ภาครัฐ และแพลตฟอร์มดิจิทัล ตั้งศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ หรือ 1212 ETDA โดยช่วง ต.ค. 2567 – ก.ค. 2568 รับเรื่องร้องเรียนแล้ว 33,181 เรื่อง ประชาชนมีความพึงพอใจสูงถึง 95.14% พร้อมเชื่อมระบบแจ้งความออนไลน์กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขยายความร่วมมือกับ กรมการค้าต่างประเทศ, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ แพลตฟอร์มดิจิทัล (Facebook, TikTok) ยกระดับการคุ้มครองผู้ใช้งานในมิติต่างๆ

นายชัยชนะ กล่าวว่า เพิ่มขีดความสามารถองค์กร ใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและธรรมาภิบาล ผ่านศูนย์ AIGC (AI Governance Center) ที่พัฒนา Guidelines และ toolkits เพื่อให้การพัฒนาและใช้ AI เหมาะสมสอดคล้องกับมาตรฐานสากล กว่า 12 เรื่อง สร้างความตระหนักรู้ด้านการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและธรรมาภิบาล ครอบคลุมกว่า 29,550 คน มี AI Governance Train the Trainer รุ่นแรก 49 คน ร่วมเป็นเครือข่ายวิทยากรเตรียมขยายผลส่งต่อความรู้สู่ 400 หน่วยงานรัฐทั่วประเทศ ร่วมกับพาร์ทเนอร์ทั้งในและต่างประเทศ ได้แก่ AICA Korea, Data.org, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ NECTEC ผลักดันไทยสู่บทบาทเชิงกลยุทธ์ในเวทีโลกด้าน AI Ethics โดยเฉพาะเวที UNESCO Global Forum on AI Ethics 2025 ที่ไทยรับเลือกเป็นเจ้าภาพครั้งแรกของเอเชียแปซิฟิก ศูนย์ปฏิบัติการด้านธรรมาภิบาล AI แห่งภูมิภาค หรือ AIGPC

สนับสนุน ‘ภาครัฐ-เอกชน’ พร้อมสู่โอกาส ด้วย Digital Adoption and Transformation ด้วยข้อมูลที่สะท้อนภาพอนาคตธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ สู่ข้อเสนอแนะในเชิงนโยบาย อาทิ SMEs Digital Transformation Maturity Index, Value of e-Commerce Survey สนับสนุนหน่วยงานรัฐยกระดับงานเอกสารสู่อิเล็กทรอนิกส์ ผ่าน e-Saraban และ e-Signature สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญรองรับ พ.ร.บ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น Digital Certificate, e-Timestamp สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจแบบมุ่งเป้าในกลุ่ม SMEs ผ่านโครงการ SME Growth ขยายโมเดลติดสปีด SMEs เชิงพื้นที่ ‘ภาคกลาง (นครปฐม อยุธยา) และ ภาคอีสาน (ขอนแก่น)’ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจกว่า 639 ล้านบาท เกิด Business Matching ระหว่าง SMEs และ Tech Provider รวม 55 คู่

นายชัยชนะกล่าวว่า เร่งพัฒนาทักษะคนไทยสู่แรงงานดิจิทัล ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ประชาชนและกลุ่มเปราะบาง รู้เท่าทัน ลดเสี่ยงภัยออนไลน์ ด้วยการพัฒนาทักษะเฉพาะด้านให้คำปรึกษาระดับองค์กร กับสถาบัน ADTE ที่จัดอบรมเสริมสมรรถนะดิจิทัลบุคลากรภาครัฐและเอกชน แล้ว 7,181 คน รับรองทักษะดิจิทัล Professional Digital Workforce 2,000 ราย ร่วมกับ UNCITRAL ผลักดันการใช้ “กฎหมายแม่แบบ” เชื่อมโยงการค้าดิจิทัลระดับโลก สร้างเครือข่ายโค้ชดิจิทัลชุมชนสะสม 5,771 คน ถ่ายทอดทั้งความรู้ดิจิทัลและทักษะธุรกิจพัฒนาชุมชนแล้ว 854 ชุมชนทั่วประเทศ เสริมเกราะป้องกันภัยออนไลน์ ผ่านโครงการ EDC (ETDA Digital Citizen) ที่สร้าง EDC Trainer 3,307 คน ครอบคลุม 526 อำเภอ หรือเกือบ 60% ของทั่วประเทศ มีผู้ผ่านการอบรมตลอด 4 ปี กว่า 116,752 คน ผลิตสื่อสำหรับผู้พิการทางการได้ยินที่เข้าถึงแล้วกว่า 29,073 คน ส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงองค์ความรู้ดิจิทัลกว่า 5 ล้านครั้งในปีนี้ 1212 ETDA ลงพื้นที่ 27 จังหวัด จัดกิจกรรม “สร้างภูมิคนไทย รู้ทันปัญหาออนไลน์” ให้ความรู้ด้านการป้องกันภัยออนไลน์แก่ประชาชนแล้ว 15,293 คน

“ทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ว่า ETDA ยังคงเดินหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่การทำธุรกรรมออนไลน์ที่รองรับสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัล และในปีที่ 15 นี้ คือการเร่งเครื่องครั้งสำคัญ ภายใต้ความเชื่อมั่นว่า ‘ความไว้วางใจ’ คือรากฐานของทุกก้าวสู่อนาคต เราไม่เพียงร่วมผลักดันเศรษฐกิจที่เติบโต แต่ยังมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทุกคนด้วยดิจิทัลที่โปร่งใส ปลอดภัย และเป็นธรรม…ETDA จะไม่หยุดแค่การกำกับและส่งเสริม แต่จะร่วมสร้าง Digital Trust เคียงข้างทุกภาคส่วน พาคนไทยก้าวสู่อนาคต ด้วยดิจิทัลที่ทุกคนเชื่อมั่นได้ และ #ชีวิตดีเมื่อมีดิจิทัล” ดร.ชัยชนะ กล่าว