วันที่ 10 ก.ย.68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า เห็นคณะรัฐมนตรีรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล กำลังเป็นรูปเป็นร่าง จึงอยากฝากงานไปยังนายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อาชญากรรมข้ามชาติ ที่มาจากแก๊งค์คอลเซนเตอร์ สแกมเมอร์ ขบวนการนำพาและการค้ามนุษย์โดยด่วน และอยากเห็นนโยบายนี้เป็น 1 ในหลายๆ นโยบายของรัฐบาลอนุทินฯนายกัณวีร์ กล่าวว่า วันนี้ประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์แจ้งให้ทั่วโลกทราบถึงการปฏิบัติการคว่ำบาตรต่อกลุ่มทุนและบริษัทเทา ๆ ดำ ๆ ที่ใช้หลอกลวงคนทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ คว่ำบาตรเครือข่ายสแกมเมอร์ในเมียนมาและกัมพูชา ใช้แรงงานทาส หลอกชาวอเมริกันสูญกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“เมื่อวันที่ 8 ก.ย. กระทรวงการคลังสหรัฐฯ โดยสำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) ออกมาตรการคว่ำบาตรเครือข่ายศูนย์หลอกลวงออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สร้างความเสียหายต่อชาวอเมริกันกว่าหมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2024 โดยใช้แรงงานบังคับ ความรุนแรง และการค้ามนุษย์”
นายกัณวีร์ เปิดเผยว่า มาตรการครั้งนี้ครอบคลุม 9 เป้าหมายในเมืองชเวโก๊กโก่ ประเทศเมียนมา ภายใต้การคุ้มครองของกองทัพกะเหรี่ยง (KNA) หรือ BGF ที่นำโดยหม่องชิตตู่ รวมถึงโครงการ Yatai New City ซึ่งถูกระบุว่าเป็นศูนย์กลางการพนัน ยาเสพติด การค้าประเวณี และการหลอกลวงสกุลเงินดิจิทัล โดยมีรายงานว่ามีการกักขัง ทารุณ และบังคับแรงงานต่างชาติให้ทำงานหลอกลวงออนไลน์
“นี่ยังมีอีก 10 เป้าหมายในประเทศกัมพูชา ที่สหรัฐฯ มีมาตรการพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคาสิโนในสีหนุวิลล์และบาเวต ซึ่งถูกใช้เป็นฐานฟอกเงินและบังคับแรงงานทำสแกมสกุลเงินดิจิทัล โดยมีนักธุรกิจจีนและกัมพูชาหลายรายถูกระบุชื่อ”
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่าลองคิดดูกันให้ดี ขนาดสหรัฐฯ ยังสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าอุตสาหกรรมสแกมเมอร์ในภูมิภาคนี้ไม่เพียงแต่กระทบความมั่นคงทางการเงินของสหรัฐฯ แต่ยังทำให้ผู้คนนับพันต้องตกอยู่ในสภาพ “ทาสยุคใหม่” มาตรการคว่ำบาตรจะทำให้ทรัพย์สินในสหรัฐฯ ของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกอายัด และชาวอเมริกันถูกห้ามทำธุรกรรมกับบุคคลหรือองค์กรที่ถูกระบุชื่อ
“คราวนี้มาดูที่ไทย จะเอายังไงดี รัฐบาลแพทองธารฯ ตอนที่คุณอนุทินฯ ก็อยู่ร่วมด้วย ในฐานะ รมว.มหาดไทย และผมยังจำได้กว่าเราจะตัดไฟฟ้าที่ส่งไปยังเมียนมา ที่ส่งไปหล่อเลี้ยงชเว่โก๊กโก่ และ เค เค ปาร์คในฝั่งเมียวดีและช่องแคบ คุณอนุทินฯ เป็นคนเดินทางไป กฟภ. เพื่อไปกดสวิตช์ตัดไฟฟ้าด้วยตัวเอง”
นายกัณวีร์ กล่าวว่า ดูให้ดี ตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เนท รวมถึงตัดน้ำมัน ในฝั่งเมียนมา ไม่ได้ทำให้ธุรกิจจีนเทาดำที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาตินี้หายไปได้ ความจริงที่เห็นมันชัดครับ พอตัดไป 2 ที่ เขาก็ย้ายทุกอย่างและพา “บอสจีน” ตัวหัว ๆ ลงไปที่พระยาตองซู ฝั่งตรงข้ามกับ อ.สังขละบุรี ของ จ.กาญจนบุรี ส่วนที่ไทยช่วยจีนส่งคนจีนกลับไปโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำหลักพัน ๆ คน แล้วเราไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยในเรื่องตัวการ คนไทยที่เกี่ยวข้องรวมถึงเส้นทางการเงินของอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ ทำให้ไทยสูญเสียโอกาสอันสำคัญในการสืบสวนสอบสวนเครือข่ายสำคัญนี้
“ผมเรียกร้องหลายครั้งในช่วงนั้นว่าเราต้องเอาข้อมูลมาให้ได้ แต่รัฐบาลแพทองธารฯ เชื่อมั่นว่าจีนจะเอาข้อมูลให้ เป็นยังไงหล่ะ หายแซ่บ !! ไม่เท่านั้น พอเรื่องเงียบไอ้ตัวใหญ่ ๆ ที่อยู่พระยาตองซูมันก็กลับคืนสู่ เค เค ปาร์ค และชเว่โก๊กโก่ แล้วไงต่อ เอาจีนมาช่วยอีกมั้ย จะเป็นลูกไล่เค้าอีกมั้ย อย่างบริษัท Yatai เนี่ยมันยังมีออฟฟิศที่ยังมีป้ายมันอยู่เย้ยฟ้าท้าดินที่สนามบินแม่สอดอยู่เลย มันคงไม่กลัวไทยจริง ๆ”
นายกัณวีร์ กล่าวด้วยว่า ในฝั่งกัมพูชาก็ขยายไปเรื่อยๆ ขยับขยายไปจนถึงชายแดนติดเวียดนาม คนอ่านหลายคนคงถามว่ามันอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเราทั้งนั้น เราจะทำอะไรได้ยังไง
“ไทยถูกใช้เป็นทางผ่านทั้งนั้น ทั้งในเรื่องของคนที่ถูกขบวนการนำพาเข้ามาจากหลายๆ ประเทศทั่วโลก จากนโยบาย free visa ของไทย แล้วแจกจ่ายไปยังทั้ง 2 ประเทศนี้ จนไปถูกค้ามนุษย์ในแก๊งค์คอลเซนเตอร์และสแกมเมอร์ และยังรวมถึงการเอาเงินเทาเงินดำที่ได้มาจากขบวนการอาชญากรรมข้ามชาตินี้มาฟอกในไทย ทั้งในรูปแบบในการเปิดบริษัทอย่างถูกต้อง แล้วเอาเงินมาลงทุนแล้วหมุนกลับไปในธุรกิจดำ ๆ ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย”
นายกัณวีร์ ตั้งคำถามว่า ไทยควรทำยังไง แล้วแนวทางการแก้ไขปัญหามันมีอะไรบ้าง ตนอยากเห็นว่ารัฐบาลคุณอนุทิน จะเร่งนำการจัดทำนโยบายการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่พูดถึงข้างบนนี้เป็น 1 ในนโยบายรัฐบาลที่จะมาแถลงที่รัฐสภาฯ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า พร้อมรายละเอียดว่าจะทำกรอบอย่างไรบ้าง
“ปัญหาหลักเราเห็นชัดว่ามันยากในการส่งกองกำลังเข้าไปปราบปราม ปัญหาที่สอง คือ อาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ คือความร่วมมือกันของแก๊งค์อาชญากรมาเฟียระดับโลก แต่เครื่องมือที่เราใช้จัดการยังล้าสมัย ปัญหาที่สาม คือ ข้อมูลความเชื่อมโยงแก๊งค์ต่างๆ เรามีมากน้อยขนาดไหน เราถูกตัดตอนไปเยอะมากใช่หรือไม่ และปัญหาที่สี่ คือ พวกแก๊งมาเฟียเหล่านี้ยังอยู่ในไทยกันอย่างโจ๋งครึ้มใช่หรือไม่ หากใช่ จัดการลากมาแล้วเอาข้อมูลมาให้เยอะ”
นายกัณวีร์ กล่าวอีกว่า นี่คือปัญหาหลัก ๆ แล้ววิธีการแก้ไขจะทำยังไง เราต้องดูบริบทว่าถึงแม้ว่าไอ้หัวหน้าแก๊งค์และกลุ่มก้อนนี้ คือแก๊งค์เดียวกันทั้งนั้น แต่บริบทของการจัดการนั้นต้องแตกต่างกันตามแต่ละประเทศ ในกัมพูชา เราต้องทำเรื่องนี้ไปในทางเดียวกันกับสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาให้ได้ นายอนุทิน ต้องใช้จังหวะนี้ให้เป็นโอกาสในการแสดงฝีมือทั้งการทำให้สถานการณ์ชายแดนนิ่ง ทั้งเรื่องการยุติการหยุดยิง การเยียวยา การเจรจาข้อพิพาทเขตแดนต้องดึงกลับมาคุยในระดับทวิภาคีที่พัฒนากลไกให้ทันสมัยให้ได้ การนำมาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืนและการพัฒนร่วมชายแดนแบบยั่งยืน และนำเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติต่าง ๆ นี้มาเป็นเงื่อนไขสำคัญให้ได้
“ฝั่งเมียนมาต้องใช้ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการมากกว่า Track 1 ในการจัดการกับเรื่องอาชญากรรมข้ามชาตินี้ ต้องต่างจากฝั่งกัมพูชา รัฐไทยต้องใช้ความสัมพันธ์ แบบ Track 2 หรือ 2.5 ในการประสานงานให้ได้ สร้างความเข้าใจร่วมเรื่อง zero tolerance กับอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทบความมั่นคงของไทยและเวทีโลกในขณะเดียวกัน”
นายกัณวีร์ กล่าวว่า ตนจะรอฟังว่าจะมีการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทบไทยในเวทีโลกหรือไม่ คนทั่วโลกได้รับผลกระทบมากทั้งเรื่องการหลอกเงิน และคนหลักแสนทั่วโลก รวมทั้งคนไทยยังตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในฝั่งกัมพูชาและเมียนมาอีกเยอะมาก
“อยากเห็นครับนโยบายรัฐบาลของคุณอนุทิน” นายกัณวีร์ กล่าวย้ำ

