ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ, วันที่ 30 สิงหาคม – นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีกระแสข่าวการเจรจากับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรคประชาชน (ปชน.) โดยธนาธรกล่าวว่า เมื่อเช้าวันนี้มีโอกาสได้คุยกับนายทักษิณ หลังจากที่อดีตนายกฯ ติดต่อมาเพื่อมาขอคุยตั้งแต่เมื่อวาน โดยคู่สนทนาถามมาว่าพรรคประชาชน จะสามารถยกมือสนับสนุนนายชัยเกษม นิติสิริ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งตนตอบไปว่า ปชน. มีจุดยืนเรื่องนี้ชัดเจน และได้แถลงจุดยืนไม่ใช่แค่เมื่อวานนี้ แต่แถลงมาตั้งสองเดือนแล้ว คือเรื่องทีโออาร์หรือเงื่อนไขของการยกมือสนับสนุนผู้หนึ่งผู้ใดเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเงื่อนไขสองข้อนั้น หนึ่งคือยุบสภาภายใน 4 เดือน และข้อที่สอง จัดทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เสร็จในช่วงเวลานั้น นั่นคือสิ่งที่ตนได้บอกนายทักษิณไป
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยพยายามติดต่อมาทางพรรคประชาชน ซึ่งคืออดีตพรรคก้าวไกล ไม่กลัวประวัติซ้ำรอยที่เคยถูกหักหลังหรือ ธนาธรกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ได้บอกนายทักษิณแล้วว่า ปชน. มีเงื่อนไขที่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับ พท. ว่าจะยอมรับเงื่อนไขได้หรือไม่ ถ้าพรรคเพื่อไทยยอมรับได้ ก็ไม่ต้องมาคุยกับตน ไปคุยกับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคได้เลย ซึ่งตนเข้าใจว่าหัวหน้าพรรคได้กล่าวไปแล้วว่ายังไม่มีการติดต่อนัดพบจาก พท.อย่างเป็นทางการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสุริยะ และนายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นญาติมาขอให้พูดคุย หรือเจรจาเพื่อโหวตนายกฯ หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า นายสุริยะเป็นอา นายพงศ์กวินเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน มีความเคารพทั้งสองท่านในฐานะญาติ แต่เรื่องปัญหาของบ้านเมืองไม่ได้ใช้ความเป็นญาติมาคุยกัน และยังไม่ได้รับการติดต่อจากทั้ง 2 คน
ต่อข้อถามว่า เช่นนี้หมายความว่ายังไม่ปิดประตูที่พรรคประชาชนจะสนับสนุนนายชัยเกษมใช่หรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า หัวหน้า ปชน.ได้ตอบคำถามไปอย่างชัดเจนแล้ว ส่วนข้อถามว่าพรรคประชาชนควรเลือกพรรคไหน นายธนาธรกล่าวว่า เหตุผลที่ ปชน.ยื่นทีโออาร์ที่มีเงื่อนไขสองข้อขึ้นมา ไม่ได้เพราะอยากมีอำนาจหรืออยากเป็นรัฐบาล นายณัฐพงษ์ได้ชี้แจงชัดเจนแล้วว่าอย่างไรพรรคยังทำหน้าที่ฝ่ายค้านเช่นเดิม โดยพรรคประชาชนให้ความสำคัญกับการพาประเทศไปข้างหน้า

แต่ด้วยสภาในชุดปัจจุบันนี้ ไม่มีกลุ่มการเมืองไหนที่จะมีความชอบธรรม และมีเสถียรภาพเพียงพอที่จะพาประเทศไปข้างหน้า หรือแก้ปัญหาสำคัญของประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ปัญหาการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน ปัญหาเรื่องการเมือง ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดภายใต้สถานการณ์แบบนี้ คือการคืนอำนาจให้กับประชาชนในการยุบสภา ดังนั้นพรรคประชาชนจึงไม่มีเงื่อนไขที่ยาวเหยียด เป็นเงื่อนไขที่เรียบง่ายเพียงสองข้อเพื่อตอบโจทย์สถานการณ์เฉพาะหน้าจริงๆ ว่าสิ่งที่เราต้องการคือสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ที่ได้รับฉันทามติจากประชาชนให้พาประเทศไปข้างหน้า นี่คือโจทย์ใหญ่ของสังคมและตนเองสนับสนุนเงื่อนไขของ ปชน.
เมื่อถามว่า ภายในเวลาสี่เดือนเพียงพอต่อการประชามติหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ตนเข้าใจว่าพรรคประชาชนคงคำนวณมาแล้วว่าถ้ามีเจตจำนง มีความตั้งใจจริง ก็คงเพียงพอต่อการทำให้เกิดประชามติ ส่วนข้อสังเกตว่าไม่ว่า ปชน.จะเลือกเส้นทางไหน ดูจะเจ็บทั้งคู่ เพราะผู้สนับสนุนพรรคไม่อยากได้ทั้งภูมิใจไทย และเพื่อไทย นายธนาธรตอบว่า ขณะนี้ไม่ว่าจะ ภูมิใจไทย พรรคประชาชน หรือ เพื่อไทย ไม่มีกลุ่มใดรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นต้องสื่อสารกับประชาชนตรงไปตรงมา เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ การคืนอนาคตประเทศไทยให้ประชาชนตัดสิน เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุด ต้องอธิบายให้ประชาชนฟังว่านี่คือทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด ส่วนจะเลือกใครนั้น ก็ต้องดูว่าพรรคไหนมีโอกาสทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้จริงที่สุด เชื่อว่าพรรคประชาชนพร้อมรับฟังข้อเสนอ

เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ว่าเมื่อมีการทำเอ็มโอยูไปแล้ว ท้ายที่สุดจะมีการฉีกเอ็มโอยู ธนาธรกล่าวว่าเรื่องนั้นให้ประชาชนตัดสิน ถ้าพรรคที่รับเงื่อนไขของพรรคประชาชนไปแล้วไม่ทำตามสิ่งที่สัญญาไว้ ก็ให้ประชาชนตัดสิน ส่วนคำถามถึงการคุยกับนายทักษิณเป็นการคุยตัวต่อตัวเลยใช่หรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ใช่ เมื่อถามว่าจะพูดคุยกับภูมิใจไทยเพิ่มเติมหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ต้องถามหัวหน้าพรรคดีกว่า เพราะข้อเสนอของทางพรรคภูมิใจไทยอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

