ตำรวจCIB​ รวบเครือข่ายเปิดบัญชีม้า พัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์สูญเงินกว่า 2 ล้านบาท

396

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรชาติ ธีรชาติธำรง ผบก.ปพ.,พ.ต.อ.สุรพันธ์ มั่นคงดี, พ.ต.อ.วรศักดิ์ บัณฑิต, พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต รอง ผบก.ปพ., พ.ต.อ.ไผท คูสันเทียะ ผกก.1 บก.ปพ, พ.ต.ท.ณัฐพงศ์ ปัญญากาญจน์, พ.ต.ท.เอกพงษ์ ผูกพันธ์ รอง ผกก.1 บก.ปพ.,พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ เคหะทุ่ม รอง ผกก.1 บก.ปพ.,


เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย นำโดย พ.ต.ท.จตุพร ติกแก้ว สว.กก.๑ บก.ปพ., ร.ต.ต.วิฑูรย์ เกื้อสกุล
รอง สว.(ป) กก.1บก.ปพ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ปพ.​ร่วมกันจับกุม นายธีระพงษ์ฯ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดนครสวรรค์
​ที่ จ.235/2568 วันที่ 21 เมษายน 2568 โดยกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น และ โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากโดยมิได้มีเจตนาที่ใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” และพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของ ศาลจังหวัดปัตตานี ที่ 216/2568 วันที่ 27 พฤษภาคม 2568 กระทำความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น เป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นร่วมกันกระทำความผิดฐานโดยทุจริต ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชีเงินฝาก โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดทางอาญา”
สถานที่จับกุม บริเวณริมถนน หมู่ที่ 1 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขต.หลักสี่ จ.กรุงเทพมหานคร

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเดือนมิถุนายน 2567 ได้มี นางรัตนาฯ อายุ 64 ปี แจ้งความร้องทุกข์ผ่านศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหา อาชญากรรมออนไลน์ โดยกล่าวหาว่า มีคนร้ายเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดได้ข่มขู่หลอกลวงผู้แจ้งทางโทรศัพท์ลักษณะขบวนการคอลเซ็นเตอร์แล้วเอาทรัพย์สินไป มูลค่าความเสียหาย จำนวน 2,119,388 บาท (สองล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันสามร้อยแปดสิบแปดบาทถ้วน) เหตุเกิดที่ ต.พยุหะ
อ.พยุหะคีรี จว.นครสวรรค์ ต่อเนื่องทั่วราชอาณาจักรเวลาต่อเนื่องกัน โดยกลุ่มคนร้าย โทรมาหลอกลวง ผู้เสียหายโดยกลุ่มแสดงตนเป็น นายเกรียงศักดิ์ฯ ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่เครือข่ายโทรศัพท์และแสดงตนเป็น พ.ต.อ.ทรงวุฒิเจริญฯ กับ ร.ต.อ.อัษฎาฯ ซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี โดยมีการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จลงในแอปพลิเคชันไลน์ ชื่อ “สภ.เมืองราชบุรี” เพื่อติดต่อหลอกลวงผู้เสียหาย

ต่อมาตำรวจสอบสวนกลางได้ตามแกะรอย ผู้ต้องหาอย่างต่อเนื่อง หลังทราบว่าหลบหนีไปพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งพบแหล่งกบดานและสามารถบุกจับกุมตัวผู้ต้องหาได้จากนั้นได้ควบคุมตัวส่งไปยัง สภ.พยุหะคีรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา