ที่ทำเนียบรัฐบาล, วันที่ 26 สิงหาคม – นายรอเบิร์ต เอฟ. โกเด็ก (The Honorable Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ และหารือข้อราชการกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี (รรท.นายกฯ) โดยนายภูมิธรรมยืนยันไทยว่าพร้อมสานต่อการทำงานกับสหรัฐ เพื่อสร้างความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สมดุลมากขึ้น โดยได้ขอบคุณ และฝากความปรารถนาดีไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และหวังว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับ ปธน.ทรัมป์ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะเป็นการเยือนไทยครั้งแรกของผู้นำสหรัฐในรอบ 13 ปี พร้อมขอบคุณสหรัฐที่เข้ามามีส่วนร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ถือเป็นพัฒนาการที่ดีและเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อการสร้างเสถียรภาพในภูมิภาคร่วมกัน
ด้านเอกอัครราชทูตสหรัฐกล่าวชื่นชมความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศที่มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิด โดยสหรัฐ ยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความเป็นพันธมิตร และความเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญนี้ต่อไปและถือเป็นหัวใจสำคัญของอาเซียนทั้งในมิติความมั่นคงและความมั่งคั่ง อีกทั้งได้แสดงความยินดีที่ รรท.นายกฯ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ปธน.ทรัมป์ และขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากสภาคองเกรสที่มาเยือน และยืนยันว่าจะนําข้อเท็จจริงและสาระสำคัญจากการพบปะครั้งนี้ ส่งต่อไปยังรัฐบาลสหรัฐทันที นอกจากนี้ ยังได้แสดงความเสียใจต่อกรณีพลเรือนไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ชายแดน พร้อมย้ำความตั้งใจของสหรัฐที่จะสนับสนุนการหยุดยิงอย่างมีประสิทธิผล
ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน อาทิ ด้านความมั่นคง ทั้งสองฝ่ายจะร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดภูมิภาคอินโด–แปซิฟิก ประจำปี 2568 (Indo-Pacific Chiefs of Defense Conference 2025: CHODs 2025) ระหว่างวันที่ 25–28 สิงหาคม 2568 ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ไทย-สหรัฐฯ ในภูมิภาคด้วย พร้อมหวังว่าจะได้ต้อนรับ รมว.กลาโหมสหรัฐซึ่งนายรอเบิร์ตคาดว่า จะมาเยือนประเทศไทยช่วงปลายปี 2568 นี้

นายภูมิธรรมระบุว่าไทยต้องการเพิ่มความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะออนไลน์สแกมเมอร์ และศูนย์บัญชาการของอาชญากรเหล่านี้ ซึ่งสหรัฐเห็นพ้อง และเสนอให้ทั้ง 2 ประเทศร่วมมือในระดับสูงทั้งภาครัฐ และเอกชนเพื่อต่อต้านภัยคุกคามรูปแบบใหม่นี้ โดย รรท.นายกฯ เน้นย้ำว่า ไทยยึดหลักการทำงานร่วมมือกับทุกประเทศ และพร้อมพิจารณาข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
นายภูมิธรรมกล่าวขอบคุณ ปธน.ทรัมป์ ต่อความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ดังกล่าว ตลอดจนบทบาทของสหรัฐในการติดตาม และสังเกตการณ์การประชุมพิเศษเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยไทยยืนยันถึงการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และพร้อมแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีด้วยการเจรจาอย่างสุจริตใจ บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ซึ่งทูตสหรัฐ ชื่นชมต่อบทบาทของรัฐบาลไทยที่มีความมุ่งมั่นต่อการบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ถือเป็นก้าวสำคัญในการธำรงสันติภาพ

ทั้งนี้นายรอเบิร์ตได้สอบถามถึงแนวทางการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวของอาเซียน (AOT) หลังจากที่ได้จัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนไปแล้ว ซึ่ง รรท.นายกฯ กล่าวว่า ในหลักการประเทศไทยสนับสนุนแนวคิดทั้งเรื่อง IOT และ AOT แต่การจัดตั้ง AOT จำเป็นต้องมีการหารืออย่างครบถ้วนถึงการกำหนดรูปแบบ และขอบเขตการดำเนินงานร่วมกันให้ชัดเจน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความมั่นคง และอธิปไตยของทั้งสองประเทศ เพราะ AOT จะเป็นการส่งผู้สังเกตการณ์และเจ้าหน้าที่ทหารจากเมืองหลวงของประเทศสมาชิกเข้ามา ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะต้องผ่านการพิจารณาตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่กฎหมายไทยระบุไว้ก่อน ซึ่งจะทำให้เกิดความล่าช้าในการลงพื้นที่ ขณะที่ IOT นั้นจะให้ผู้ช่วยทูตทหารที่ประจำการอยู่ในประเทศไทย และกัมพูชาอยู่แล้ว จึงสามารถลงพื้นที่และปฏิบัติการภารกิจสังเกตการณ์ได้อย่างรวดเร็วทันที
นอกจากนี้ทูตสหรัฐได้กล่าวชื่นชมประเทศไทย ว่าสวยงาม รู้สึกประทับใจต่อความงดงามของทัศนียภาพ วัฒนธรรม และอาหารไทย และกล่าวว่าไทยกำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านความบันเทิงระดับโลก โดยมีผู้ผลิตภาพยนตร์นานาชาติเลือกเข้ามาลงทุน และถ่ายทำในหลายพื้นที่ อาทิ ภาพยนตร์ Jurassic World, ซีรีย์ The White Lotus และ ซีรีส์ Alien: Earth สะท้อนให้เห็นภาพลักษณ์และศักยภาพของประเทศไทยในสายตานานาชาติ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวไม่เพียงสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ แต่ยังช่วยเพิ่มการจ้างงานและยกระดับอุตสาหกรรมบันเทิงไทยให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

