กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผกก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.วินัย ธนะโชติ รอง ผกก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.ทัตพร เลขะวัฒนพงษ์ สวญ.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล., พ.ต.ท.ชยธร ถวิลเพชรสกุล สว.ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.ท.อานนท์ ชีนิมิตร รอง สว.(สอบสวน) ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล.,จ.ส.ต.โสนิล จันทร์พลงาม และ จ.ส.ต.ศรัณย์ อู่ทรัพย์ ผบ.หมู่ ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม นายสุเทพหรือนายเดชาภาดากรฯ อายุ 63 ปี จำเลยตามหมายจับของศาลแขวงชลบุรี
โดยกล่าวหากระทำผิดฐาน “พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค” จำนวน 31 หมายจับพฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลประจำศาลแขวงชลบุรี ว่ามีจำเลยตามหมายจับในคดีความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค คือ นายสุเทพหรือนายเดชาภาดากรฯ อายุ 63 ปี จากการสืบสวนพบว่า นายสุเทพฯ เป็นเจ้าของธุรกิจอสังหาฯ อพาร์ทเมนท์ ย่านบางแสน เมื่อประมาณช่วงปี 2560 – 2561 นายสุเทพฯ ได้กู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง จำนวนกว่า 150 ล้านบาท โดยทำสัญญากู้ยืมเงินเพื่อผ่อนจ่ายรายเดือนพร้อมชำระด้วยเช็ค แต่เช็คที่นายสุเทพฯ จ่ายไม่สามารถจ่ายได้ตามยอดในเช็คที่จ่าย จึงเป็นเหตุให้ทางธนาคารดำเนินการฟ้องร้องดำเนินคดีที่ศาลแขวงชลบุรี
กระทั่ง เจ้าหน้าที่ชุดจับได้ข้อมูลที่อยู่ของจำเลย จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามจนพบว่าจำเลยได้ขับรถเก๋งสีดำออกมาจากที่พัก ก่อนจะติดตามและสามารถจับกุมตัว ภายใน ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง (ถนนข้าวหลาม) ตำบลหนองข้างคอก อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เนื่องจากจำเลยได้หลบหนี เป็นระยะเวลานาน ศาลจึงมีคำพิพากษาลับหลัง จำคุกจำเลย ทั้ง 31 คดี รวมทั้งสิ้นประมาณ 10 ปี โดยจำเลยให้การรับสารภาพ จึงนำตัวจำเลยส่งศาลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
