ตำรวจCIB รวบเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด​ ลอบกดATM เพื่อนไปเกือบ 4 หมื่นบาท ก่อนหลบหนีคดีนาน 9 ปี

448

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ณัฐพงษ์ สัตยานุรักษ์รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.ทรงกลด เกริกกฤตยา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.กรีธา ตันคณารัตน์, พ.ต.อ.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ พ.ต.อ.มารุต กาญจนขันธกุล ,พ.ต.อ.เศรษฐณัณข์ ปิยะสมบูรณ์,พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ พงศกร โนรี ประจำ(สบ5) บก.ปคม.,พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ รอง ผบก.ปคม. พ.ต.อ.อลงกต คชแก้ว ผกก.5 บก.ปคม. ,พ.ต.ท.อาทิตย์ พุ่มทอง, พ.ต.ท.เกริก เสนาะสำเนียง รอง ผกก.5 บก.ปคม.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.นัฐพล ดาวเวียง สว.กก.5 บก.ปคม. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ

กก.๕ บก.ปคม.ร่วมกันจับกุม นายสุธีฯ อายุ 65 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดกาญจนบุรี
ที่ 602/2559 ลงวันที่ 13 ก.ย. 2559 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และลักทรัพย์ในเวลากลางคืนสถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านแห่งหนึ่ง ต.หนองหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากช่วงเดือนมิถุนายน 2559 ได้มีนายสมชายฯ (ผู้เสียหาย) เดินทางเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ให้ดำเนินคดีกับนายสุธีฯ ในความผิดฐาน“ลักทรัพย์” โดยให้การว่าก่อนหน้านี้ นายสมชายฯ และนายสุธีฯ เป็นเพื่อนร่วมงานที่โชว์รูมรถยนต์แห่งหนึ่ง ทำงานร่วมกันมานานจึงสนิทชิดเชื้อกัน ในวันเกิดเหตุ นายสุธีฯ (ผู้ต้องหา) ได้มาขอยืมเงินจากผู้เสียหายจำนวน 2,000 บาท ด้วยความเชื่อใจในความเป็นเพื่อนที่คบหากันมานาน นายสมชายฯ (ผู้เสียหาย) จึงได้มอบบัตรเอทีเอ็ม และรหัส แล้วให้นายสุธีฯ นำไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม จำนวน 2,000 บาท ที่จะยืมได้เลย จากนั้นนายสุธีฯ ก็ได้นำบัตรเอทีเอ็ม พร้อมสลิปแจ้งยอดถอนจำนวน 2,000 บาท มาคืนให้กับผู้เสียหาย

ถัดมาอีกไม่กี่วัน ทราบข่าวว่านายสุธีฯ (ผู้ต้องหา) ไม่ได้มาทำงานแล้ว และทางบริษัทก็ไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหายเกิดความสงสัย ประกอบกับ เจ้าหน้าที่การเงินของโชว์รูมดังกล่าว ได้ไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มเดียวกัน พบสลิปการถอนเงินที่ถูกทิ้งไว้ จำนวน 2 – 3 ใบ จำได้ว่าเป็นเลขบัญชีของผู้เสียหาย จึงเก็บมา และสอบถามผู้เสียหาย จากนั้นจึงได้พากันไปธนาคาร เพื่อตรวจสอบบัญชีธนาคาร ที่ผู้เสียหายได้ให้บัตรเอทีเอ็มกับนายสุธีฯ (ผู้ต้องหา) ไปกดเงินนั้น มีการกดถอนเงินออกไปจากบัญชีธนาคารจำนวน 4 ครั้ง ดังนี้ ครั้งที่ 1 จำนวน 1,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 4,500 บาท ครั้งที่ 3 จำนวน 30,000 บาท และครั้งที่ 4 จำนวน 2,000 บาท ซึ่งแน่ชัดแล้วว่า นายสุธีฯ (ผู้ต้องหา) ได้แอบกดถอนเงินจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหายไปโดยไม่ได้รับอนุญาต และหลบหนีไป จึงขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับนายสุธีฯ ตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ซึ่งหลังจากเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวน และติดตามจับกุมนายสุธีฯ (ผู้ต้องหา) เรื่อยมา

กระทั่ง ได้ทำการสืบสวน ติดตาม จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า พบว่ามีนายสุธีฯ (ผู้ต้องหา) หลบหนีคดี มากว่า 9 ปี และอีกไม่กี่เดือนหมายจับดังกล่าวจะหมดอายุความ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้ทำการสืบสวนหาข่าว พบว่านายสุธีฯ (ผู้ต้องหา) กลับมาที่บ้านแห่งหนึ่ง ม.6 ต.หนองหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านดังกล่าว และพบตัวนายสุธีฯ (ผู้ต้องหา) อยู่ที่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าวข้างต้น จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเข้าทำการจับกุมตัวนายสุธี (ผู้ต้องหา) พร้อมแจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้นายสุธีฯ ทราบ จากนั้นจึงได้ควบคุมตัว นายสุธีฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

เตือนภัย ระมัดระวังมิจฉาชีพที่มาในรูปแบบเป็นมิตร เป็นคนสนิท ที่สร้างความเชื่อใจ ควรหลีกเลี่ยงการมอบบัตรเอทีเอ็ม และแจ้งรหัสผ่านให้ผู้อื่นทราบ รวมถึงหากพบเห็น เด็กอายุลักษณะต่ำกว่า 18 ปี ทำงานในสถานที่ อโคจร สถานที่ล่อแหลม โปรดแจ้ง กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ สายด่วน 1191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้างทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด​ ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”