ตำรวจCIB รวบแก๊งมิจฉาชีพแอบอ้างแอปเงินกู้ธนาคารหลอกเหยื่อโอนเงิน เกือบ 4 แสนบาท

620

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รองผบก.ป.,พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป.พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พงค์ปณต ชูแก้ว รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก.5 บก.ป.,พ.ต.ท.สิทธิเกียรติ ศรีจันทร์,พ.ต.ท.วาทิต จิตรจันทึก,พ.ต.ท.อภิเดช อธิคมสัญญา,พ.ต.ท.ศรัณย์ ศรีพักตร์, พ.ต.ท.พิทยา ธนาวุฒิ รอง ผกก.5 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.กิตติบดินทร์ กิมเซียะ สว.กก.5 บก.ป., ร.ต.ต.เรวัติ ห้วยหงษ์ทอง รอง สว.(ป)กก.5 บก.ป., ส.ต.ท.สุวัฒน์ จันทร์ดี ผบ.หมู่ กก.5 บก.ป.

ร่วมกันจับกุม นายสุประการณ์ ฯ อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ

1.ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ จ.181/2568 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ ร่วมกันโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นคนอื่นและยินยอมให้ผู้อื่นเปิดหรือใช้บัญชีเงินฝากโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนทั้งนั้นโดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”

2.ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.1137/2568 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ, และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะน่าไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี

พฤติการณ์ คดีที่ 1. เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ผู้กล่าวหา ซึ่งพักอาศัยอยู่บ้านพักทางหลวงชนบท ม. 2 ต.น้ำคำ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้เข้าในแอปเงินกู้ธนาคารที่เปิดไว้สาธารณะ เพื่อที่จะกู้เงินผ่านระบบ แอปของธนาคาร ในระหว่างที่กำลังดำเนินการเข้าแอปเงินกู้นั้น ได้มีการแจ้งในระบบแอปว่า ให้กดเข้าลิงก์ จึงได้กดเข้าไป จากนั้นลิงก์นำเข้าสู่ระบบไลน์เป็นรูปหน้าแอปธนาคารดังกล่าว คนร้ายได้หลอกให้ทำธุรกรรมการเงิน โดยส่งข้อมูลส่วนตัวให้ผ่านทางแชทไลน์ เมื่อทำธุรกรรมแล้วคนร้ายในแอปอ้างว่า ผู้เสียหายได้ทำธุระกรรมผิดพลาด และให้รับผิดชอบโดยการโทรศัพท์มาข่มขู่ให้เกิดความกลัว จากนั้นให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่งั้นจะดำเนินคดีกับผู้เสียหายและบุคคลที่อ้างอิงในการกู้เงิน จึงได้โอนเงินตามบัญชีที่คนร้ายส่งมาให้ โดยโอนจาก บัญชี ไปยังบัญชีของสุประการณ์ ฯ โอนจำนวน 2 ครั้ง โอนครั้งที่ 1 โอนไป จำนวน 49,999 บาท เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 เวลา 19.13 น. โอนครั้งที่ 2 จำนวน 22,860 บาท เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 เวลา 14.16 น. รวมแล้วเป็นเงิน 72,849 บาท น่าเชื่อตัวเองถูกหลอก จึงได้เข้าแจ้งความออนไลน์กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้นำเอกสารหลักฐานการโอนให้มาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ติดตามดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พฤติการณ์ คดีที่ 2. เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2567 ผู้เสียหาย มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษนั้น ได้เข้าในแอปเงินกู้ธนาคารที่เปิดไว้สาธารณะ เพื่อที่จะกู้เงินผ่านระบบแอปของธนาคาร ในระหว่างที่กำลังดำเนินการเข้าแอปเงินกู้นั้น ได้มีการแจ้งในระบบแอปว่า ให้กดเข้าลิงก์ จึงได้กดเข้าไป จากนั้นลิงก์นำเข้าสู่ระบบไลน์เป็นรูปหน้าแอปธนาคาร คนร้ายได้หลอกให้ทำธุรกรรมการเงิน โดยส่งข้อมูลส่วนตัวให้ผ่านทางแชทไลน์ เมื่อทำธุรกรรมแล้วคนร้ายในแอปอ้างว่า ผู้เสียหายได้ทำธุรกรรมผิดพลาด และให้รับผิดชอบโดยการโทรศัพท์มาข่มขู่ให้เกิดความกลัว จากนั้นให้ผู้เสียหายโอนเงินเป็นค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่งั้นจะดำเนินคดีกับผู้เสียหายและบุคคลที่อ้างอิงในการกู้เงิน จึงได้โอนเงินตามบัญชีที่คนร้ายส่งมาให้ โดยโอนเข้า 25 ต.ค. 67 เวลา 19.21 น. จำนวนเงิน 54,000 บาท บัญชีนายสุประการณ์ ฯ ยอดรวม 386,229.86 บาท จึงได้เข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้นำเอกสารหลักฐานการโอนให้มาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พฤติการณ์การจับกุม ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายสุประการณ์ ฯ ผู้ต้องหารายนี้ ได้ปรากฏตัวอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี จึงได้เข้าไปตรวจสอบยังพื้นที่ดังกล่าว พบว่า นายสุประการณ์ ฯ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจับกุมตัว พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับให้ทราบและแจ้งสิทธิตามกฎหมายข้างต้นให้ทราบ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองศรีสะเกษ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

​จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของนายสุประการณ์ ฯ พบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ จ.1137/2568 ลงวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ เป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันเป็นผู้สนับสนุนความผิดฐานโดยทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ, และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้หมายเลขโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้ โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะน่าไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด”สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง​ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น