กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.,
พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์, พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร, พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ. และ พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3
บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ท.หญิง ปวีณวรรณ พลหาญ สว.กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.สุรพันธุ์
ตาขันทะ, ร.ต.อ.ธนชัย พจน์โพธิ์ศรี รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.หญิง ขวัญใจ ยิ่งเจริญ
รอง สว.กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.ท.ชัยวิทย์ ศรจิตต์, ร.ต.ต.ดนัย วีรวรรณ รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ปอศ.,
ด.ต.ยงยุทธ โยทอง, จ.ส.ต.เจนภพ เตมิราช และ ส.ต.ท.สิงห์ คำปาน ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอศ.ร่วมกันจับกุม นายอภิชาติฯ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.722/2565 ลงวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2565
เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น โดยได้กระทำด้วยการแสดง ข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนและร่วมกันโดยทุกจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวกฏหมายอาญา”สถานที่จับกุม บริเวณหน้าหน้าร้านอาหาร ซอยสุขุมวิท 33 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้ทำการสืบสวนสอบสวน ติดตามจับกุมบุคคลผู้ต้องหา ตามหมายจับในคดีค้างเก่า พบข้อมูลบุคคลราย นายอภิชาติฯ บุคคลตามหมายจับโดยได้ทำการสืบสวนและติดตามจับกุมตัว พบว่าได้หลบหนีมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ และผู้ช่วยเชฟที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซอยสุขุมวิท 33 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร จึงได้วางแผนจัดกำลังติดตามตัวผู้ต้องหา จนพบว่าหลบหนีอยู่ภายในชั้น 3 ของบริเวณร้านและติดตาม จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าร้านอาหารดังกล่าว
จากการสอบถามทราบว่าเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับจริง และไม่เคยถูกจับกุม ในคดีนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงหมายจับ แจ้งสิทธิผู้ต้องหา ควบคุมตัวนำส่งพนักงาน สอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ภ.จว.ภูเก็ต เพื่อดำเนินการต่อไป
สอบถามคำให้การ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การภาคเสธ จากการซักถามเบื้องต้นทราบว่า ได้มีการเปิดบัญชีธนาคารให้แก่กลุ่มเพื่อนในวงการยาเสพติดจริง แต่ไม่ทราบว่าได้ถูกนำไปใช้ในการ กระทำความผิดอื่นหรือไม่ หรือได้ถูกนำไปใช้กับกับการกระทำอันเป็นความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใด
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชนให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้างทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
