ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล., พ.ต.อ.เอกนิรุจฒิ์ วันสิริภักดิ์ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป.ปฏิบัติราชการ บก.ทล., พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.7 บก.ทล., พ.ต.ท.ฐิติวัสส์ แซมเขียว รอง ผกก.7 บก.ทล. และ พ.ต.ท.ธนาคาร จันทร์กระจ่าง
รอง ผกก.4 บก.ปคม.ปฏิบัติราชการ กก.7 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.วิชัย โมฆรัตน์ สว.ส.ทล.2 กก.7 บก.ทล., ร.ต.ท.รัตนพงษ์ สว่างแจ้ง, ร.ต.ต.กิตตินนท์ ช่วยหวัง รอง สว.(ป.) ส.ทล.2 กก.7 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.2 กก.7 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม นายภูชิสส์ฯ อายุ 46 ปี ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควรจำเป็นอันเร่งด่วนหรือสมควรแก่พฤติการณ์”
พร้อมตรวจยึดของกลาง อาวุธปืนพกสั้นสีดำ ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก ,เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 10 นัด,ซองบรรจุกระสุน สีดำ จำนวน 1 ซองและ ซองพกในแบบหนังสีดำ จำนวน 1 ซอง สถานที่จับกุม บริเวณถนน ทล.4 กม.1183-1184 ม.2 ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ร่วมกันตั้งจุดตรวจป้องกันปราบปรามอาชญากรรมบริเวณบนถนน ทล.4 กม.1183-1184 ม.2 ต.ควนขนุน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมการกระทำความผิดกฎหมายบนถนน ตามนโยบายและคำสั่งของผู้บังคับบัญชาระหว่างตั้งจุดตรวจอยู่นั้น ได้มีรถยนต์กระบะสีดำ ซึ่งมีนายภูชิสส์ฯ เป็นผู้ขับขี่มีลักษณะท่าทางพิรุธ เชื่อว่าน่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายอยู่ภายในรถยนต์ จึงให้ส่งสัญญาณให้หยุดรถและเชิญให้นายภูชิสส์ฯ ลงจากรถเพื่อขอทำการตรวจค้นตัวและภายในรถ ผลการตรวจค้นภายในรถยนต์พบอาวุธปืนพกสั้นสีดำ ชนิดกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้ พร้อมแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับกระทำความผิดให้ทราบ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดมาทำบันทึกจับกุมที่ สภ.เขาชัยสน จ.พัทลุง แล้วนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา
“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”
