ตั้งโยกย้ายข้าราชการ ยังจมปลักอยู่ในวงจรอุบาทว์ นักการเมืองเน้นตั้งเด็กในคาถา

1179

สิงหาคมต่อเนื่องกันยายน เป็นช่วงแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทุกระดับในทุกกระทรวงและทุกกรม รวมถึงหน่วยขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ชาวบ้านในฐานะผู้จ่ายภาษีว่าจ้างมักจะเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของบรรดาข้าราชการ อาทิ ประจบสอพลอ วิ่งเต้นขอตั๋วผู้มีอิทธิพลในวงการต่างๆ และบางคนเน้นออกสื่อโชว์ผลงาน หวังให้เข้าตาผู้มีอำนาจแต่งตั้ง

ขณะที่บรรดาข้าราชการที่มุ่งสร้างผลงานด้วยการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ที่ชาวบ้านทั่วไปสัมผัสได้ จะไม่เน้นการเคลื่อนไหวใดๆ เพราะคาดหวังว่าผู้บังคับบัญชาจะมองเห็นความดี แต่เมื่อถึงเวลาพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งที่สูงขึ้น มักจะพบกับความผิดหวัง แถมบางคนกลับถูกย้ายลดชั้นอีกต่างหาก

ซึ่งปรากฏการณ์ข้าราชการดีมีผลงานแต่ถูกละเลย เกิดขึ้นในทุกหน่วยงาน สาเหตุหลักล้วนแต่มาจากฝ่ายการเมืองหรือรัฐบาล หรือผู้กุมอำนาจรัฐต้องการคนของตัวเองที่สั่งการให้ทำงานได้ทั้งในระบบและนอกระบบ

ดังนั้นเมื่อมีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายออกมาคราใด จะพบว่ามีมหกรรมล้างบางข้าราชการสังกัดสายอำนาจเก่าปรากฏให้สาธารณชนเห็นอยู่บ่อยครั้ง

ล่าสุดคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไฟเขียวแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงออกมา 25 ตำแหน่ง ถ้าวิเคราะห์รายตำแหน่งจะพบว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ถูกย้ายเข้ากระทรวงไปเป็นผู้ตรวจราชการฯ หรือรองปลัดกระทรวงฯ แวดวงข้าราชการเรียกว่าย้ายเข้ากรุ ส่วนใหญ่ล้วนมีสัมพันธ์ที่ดีกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ แถบอีสานใต้หรือผู้ว่าฯ อ่างทอง

จังหวะเดียวกันจะแต่งตั้งผู้ตรวจราชการฯ ไปนั่งเป็นเจ้าเมืองแทน ถ้าสืบเสาะดีๆ จะพบว่าผู้ว่าฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งส่วนใหญ่จะมีสัมพันธ์อันดีกับรัฐมนตรีเจ้าของพื้นที่ในจังหวัดนั้นๆ หรือมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบ้านใหญ่แกนนำของพรรครัฐบาลในจังหวัดนั้นๆ

ซึ่งการแต่งตั้งโยกย้ายลักษณะดังกล่าวมิได้เกิดขึ้นเฉพาะที่กระทรวงมหาดไทย แต่กระจายไปทุกกระทรวงและทุกกรม เพราะบรรดารัฐมนตรีและ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลต่างคาดหวังให้ข้าราชการที่ไว้วางใจไปทำงานในพื้นที่ สร้างฐานการเมืองให้พรรคและตัวเอง เพื่อคว้าชัยในการเลือกตั้งทุกระดับ

ขณะเดียวกันการแต่งตั้งโยกย้ายในองค์กรที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี มิได้น้อยหน้ากว่ากระทรวงที่มีรัฐมนตรีควบคุมแต่อย่างใด อย่างกรณีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การแต่งตั้งโยกย้ายเกือบทุกชั้นยศล้วนแต่มีฝ่ายการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลในวงการต่างๆ เข้ามามีเอี่ยวแทบทั้งสิ้น

ถ้านายกรัฐมนตรีอยู่พรรคเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการจะเป็นในลักษณะเอื้อประโยชน์ให้พรรคของตัวเอง ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายอำเภอ หัวหน้าโรงพัก รวมถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 ต่างมีตั๋วของนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พรรคแกนนำรัฐบาลสามารถที่จะควบคุมพื้นที่ได้แทบทุกตารางนิ้ว

หากผู้ว่าฯ และผู้การฯ ทำงานที่สอดประสานกัน มุ่งบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน โอกาสที่พรรคแกนนำรัฐบาลจะคว้าชัยในการเลือกตั้งทุกระดับจะสูงยิ่ง

จากบริบทดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพลเรือนหรือรัฐบาลเผด็จการทหาร ล้วนยึดถือปฏิบัติกันมาแทบจะกลายเป็นประเพณีไปแล้ว ซึ่งข้าราชการน้ำดีใช้ผลงานเป็นธงนำในการขยับสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยไม่วิ่งเต้นเข้าหานักการเมือง รัฐบาล และผู้กุมอำนาจ จะเรียกบริบทนี้ว่าวงจรอุบาทว์ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ข้าราชการทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม เพราะแม้จะทำงานห่วยแค่ไหน ถ้าสร้างประโยชน์ให้นักการเมืองได้ ความก้าวหน้ายังบังเกิด

ดังนั้นประชาชนคนธรรมดาอย่างพวกเรา จะไปคาดหวังจะได้เห็นการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอย่างเป็นธรรม ข้าราชการน้ำดีที่ตั้งใจทำงานจะได้รับการโปรโมตสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นนั้นคงเป็นได้แค่ฝัน เพราะนักการเมือง รัฐบาล และผู้กุมอำนาจทั้งหลาย คงไม่ปล่อยมืออย่างแน่นอน และวงจรอุบาทว์จะอยู่คู่กับระบบราชการไทยไปอีกนาน!!!