ตำรวจCIB​ จบตำนานชายเลือดร้อนก่อเหตุยิงคู่อริหนีกบดานนานกว่า 17 ปี

629

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) ภายใต้
การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรชาติ ธีรชาติธำรง ผบก.ปพ., พ.ต.อ.สุรพันธ์ มั่นคงดี, พ.ต.อ. วรศักดิ์ บัณฑิต รอง ผบก.ปพ., พ.ต.อ.ชนกฤดิ พงษ์ศิริ ผกก.สายตรวจ บก.ปพ.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.อาชวิน อาจทวี สว.กก.สายตรวจฯ, ร.ต.ต.สุเทพ ชิดมณี รอง สว.(ป). กก.สายตรวจ บก.ปพ., จ.ส.ต.วัชรพงษ์ พุทธจร ผบ.หมู่.กก.สายตรวจ บก.ปพ., ส.ต.ท.กมล แดงเหลือบผบ.หมู่.กก.สายตรวจ บก.ปพ., ส.ต.ท.บรรณสิทธิ์ หงษ์ทอง ผบ.หมู่.กก.สายตรวจ บก.ปพ.

ร่วมกันจับกุม นายเปรียบ ฯ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาล จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งต้องหาว่ากระทำผิดฐาน “ พยายามฆ่าผู้อื่น ”สถานที่จับกุม บริเวณลานก่อสร้างไม่มีเลขที่ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ

พฤติการณ์ ก่อนเกิดเหตุ นายเปรียบฯ (ผู้ต้องหา) ได้ใช้อาวุธปืนยิง ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ต่อมาผู้เสียหาย ได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับ นายเปรียบฯ (ผู้ต้องหา) ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะสอบปากคำ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน นำไปสู่การขอศาลออกหมายจับ นายเปรียบ ฯ ผู้ต้องหารายนี้ไว้ กระทั่งศาลออกหมายจับ นายเปรียบ ฯ ในความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่น ”

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปพ. ได้สืบสวนติดตามตัวนายเปรียบ ฯ กระทั่งทราบว่า หลังจากเกิดเหตุ ยาวนานกว่า17 ปี ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว และพบตัวผู้ต้องหาอยู่บริเวณลานก่อสร้าง ในพื้นที่ ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง​จ.สมุทรปราการ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแสดงหมายจับ และแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบและเข้าใจดีแล้ว ขณะที่นายเปรียบ ฯ ก็รับว่าตนคือบุคคลตามหมายจับและไม่เคยถูกจับกุมในคดีดังกล่าวมาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัวผู้ต้องหา ก่อนนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.น้ำปาด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ระบุว่ามีปากเสียงกันกับผู้เสียหาย และเห็นว่าผู้เสียหายวิ่งมาที่ตน ตนจึงได้ใช้อาวุธปืนยิง

“การเผยแพร่ข่าวเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะของประชาชน​ ให้รู้เท่าทันภัยอันตรายรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างการตระหนักรู้เป็นวงกว้าง. ทั้งนี้ ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด.​ดังนั้น สำหรับการเผยแพร่ข่าวของสื่อมวลชน ขอให้พิจารณาถึงประโยชน์และสิทธิของผู้ต้องหาข้างต้น”