กรุงเทพฯ, วันที่ 18 สิงหาคม – นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รทว.ทส.) มอบหมายให้ นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วย รมต.ทส. กล่าวแสดงความยินดี และมอบนโยบายแก่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 2 ปี โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน และภาคประชาชนเข้าร่วมแสดงความยินดี และร่วมบริจาคสมทบทุนกองทุนสวัสดิการกรมฯ

นายนราพัฒน์ กล่าวว่า กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม มีบทบาทสำคัญทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ในการบริหารจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น ควบคู่กับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน จึงจำเป็นต้องเร่งทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน โดยผสานโอกาสทางเศรษฐกิจและประโยชน์ทางสังคมไปพร้อมกัน พร้อมขอให้ทุกฝ่ายร่วมบูรณาการการทำงานในทิศทางเดียวกัน ยกระดับนโยบายและแผนสู่การปฏิบัติจริง สร้างการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม
นายพิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช อธิบดีกรมลดโลกร้อน กล่าวว่า ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา กรมลดโลกร้อน ได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม เดินหน้าสู่เป้าหมายคาร์บอนต่ำ ภายใต้แผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (พ.ศ. 2564–2573) โดยในปี 2565 ประเทศไทยสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 65.23 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งบรรลุเป้าหมายรายปีที่กำหนดไว้ และยกระดับเป้าหมาย “NDC 3.0” ตั้งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิไม่เกิน 152 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี พ.ศ. 2573 พร้อมพัฒนา “แพลตฟอร์มกลางจัดเก็บข้อมูลก๊าซเรือนกระจกของประเทศและระบบติดตามผล” (NDC Tracking System) เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลเชิงนโยบาย

ในขณะเดียวกัน ได้ขับเคลื่อนแผนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (NAP) ผ่านความร่วมมือกับ 7 กระทรวงหลัก ถ่ายทอดสู่ระดับพื้นที่ผ่านแผนปฏิบัติการด้านการปรับตัวรายสาขา ที่มีมาตรการและเป้าหมายสอดรับกับเป้าหมายการปรับตัวระดับโลก (Global Goal on Adaptation: GGA) รวมถึงพัฒนา “ดัชนีความเสี่ยงสภาพภูมิอากาศประเทศไทย” (Climate Risk Index Thailand) สำหรับประเมินระดับความเปราะบางและความเสี่ยงรายจังหวัด อีกทั้งพัฒนา “ระบบวิเคราะห์ความเสี่ยงในระดับพื้นที่ขนาด 5×5 กิโลเมตร” ประกอบการวางแผนเชิงพื้นที่ที่แม่นยำ พร้อมขยายการดำเนินงานตามแผนการปรับตัวรายสาขาไปยังพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง
นายพิรุณ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้เร่งผลักดันร่าง พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบและเป็นโอกาสสำคัญในการเปลี่ยนผ่านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ รองรับสถานการณ์โลกในการแข่งขันด้านการค้า การลงทุน และภูมิรัฐศาสตร์ ที่ให้ความสำคัญกับการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยความจริงจังและเข้มข้น ผ่านการใช้กลไกราคาคาร์บอนในรูปแบบการจัดสรรสิทธิการปล่อยคาร์บอน (ETS) ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) และ คาร์บอนเครดิต ทั้งนี้กระทรวง ทส. เตรียมเสนอเร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และคาดว่าจะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาได้ภายในปี พ.ศ. 2569 นี้

อย่างไรก็ตาม กรมลดโลกร้อน ยังคงสร้างการเปลี่ยนแปลงจากฐานราก สนับสนุนเครือข่าย ทสม. ชุมชน และโรงเรียนต้นแบบสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมเสริมบทบาทเยาวชน และความร่วมมือกับภาคเอกชนทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero ควบคู่กับการเสริมศักยภาพ อปท. พัฒนาองค์ความรู้ด้านภูมิอากาศ และผู้ประกอบการให้ยกระดับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน อีกทั้ง ร่วมือกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พัฒนาข้อมูลภาพฉายภูมิอากาศ (Climate Projection) ที่มีความละเอียดสูง ด้วยแบบจำลองสากลระดับโลก CMIP6 เพื่อใช้ประเมินความเสี่ยงและวางนโยบายได้อย่างแม่นยำ
“กรมลดโลกร้อน มุ่งมั่นสร้างความร่วมมือทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนประเทศไทยให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero และมีความพร้อมในการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศในทุกมิติได้อย่างยั่งยืน” นายพิรุณ กล่าว

