กรุงเทพฯ, 18 สิงหาคม – นางมีรยานา สปอลยาริช ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) กล่าวปาฐกถาพิเศษ “สมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร” ว่าด้วยกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ครั้งที่ 11 ซึ่งจัดขึ้นที่กระทรวงการต่างประเทศของไทยว่า “เหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาล่าสุด ตอกย้ำให้เห็นว่าการสู้รบสามารถประทุขึ้นและส่งผลกระทบทางมนุษยธรรมต่อพลเรือนได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่โลกตกอยู่ในภาวะสงคราม เตรียมการเข้าสู่สงคราม หรือได้รับผลกระทบจากสงคราม รัฐต่าง ๆ พึงระลึกไว้ว่า ความพร้อมในการรับมือความขัดแย้งไม่ได้ประเมินด้วยแสนยานุภาพทางการรบแต่เพียงอย่างเดียว และหากรัฐลงทุนด้านการป้องกันประเทศ ก็ต้องจัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อเสริมสร้างความเคารพในกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศด้วย”
ทั้งนี้ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่การขัดกันทางอาวุธทวีความรุนแรงและงบประมาณด้านการป้องกันประเทศของรัฐต่าง ๆ เพิ่มสูงขึ้น ประธานกาชาดสากล เรียกร้องให้รัฐทั้งหลายลงทุนด้านมาตรการส่งเสริมความเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศทั้งในส่วนการวางแผนทางการทหารและการเตรียมความพร้อมรับมือความขัดแย้ง

ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงเทพฯ เป็นเวลาสองวัน นางมีรยานาได้รับพระราชทานพระราชวโรกาสให้เข้าเฝ้า สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นอกจากนี้ยังได้เข้าพบกับ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายเตช บุนนาค เลขาธิการสภากาชาดไทย และผู้นำของกลุ่มองค์กรกาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศในภูมิภาคด้วย
ในการนี้ นางมีรยานาได้เน้นย้ำถึงความพร้อมของไอซีอาร์ซีในการสนับสนุนทั้งประเทศไทยและกัมพูชาผ่านการทำหน้าที่ตัวกลางที่มีความเป็นกลางในการปล่อยตัวเชลยศึกและส่งคืนร่างผู้เสียชีวิต โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีมงานของไอซีอาร์ซีได้เข้าเยี่ยมเชลยศึกชาวกัมพูชาที่ถูกคุมขังในประเทศไทย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพันธกิจของไอซีอาร์ซีในความขัดแย้งทางอาวุธระหว่างประเทศที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาเจนีวา และพร้อมดำเนินการเข้าเยี่ยมเพิ่มเติมในอนาคต นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของไอซีอาร์ซียังได้เดินทางไปยังพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชาทั้งสองฝั่ง เพื่อพูดคุยกับผู้ได้รับผลกระทบจากการสู้รบที่เกิดขึ้น และกำลังประสานงานกับองค์กรพันธมิตรอย่างสภากาชาดไทยและสภากาชาดกัมพูชาเพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

ระหว่างการเยือน นางมีรยานายังได้แสดงความยินดีที่ประเทศไทยเข้าร่วมความริเริ่มระดับโลกเพื่อสนับสนุนเจตจำนงทางการเมืองต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (Global initiative to galvanize political commitment to IHL) โดยโครงการนี้เปิดตัวเมื่อปีที่แล้ว ร่วมกับประเทศบราซิล จีน ฝรั่งเศส จอร์แดน คาซัคสถาน และแอฟริกาใต้ มีเป้าหมายฟื้นฟูความเคารพต่อกฎแห่งสงครามและร่วมกันรักษากฎนี้ไว้ให้คงอยู่เพื่อคนรุ่นต่อไป ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 70 ประเทศเข้าร่วมอย่างเป็นทางการแล้ว

“กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศจะแข็งแกร่งได้ก็ต่อเมื่อผู้นำมีความตั้งใจที่จะยึดมั่นในกฎนี้” นางมีรยานากล่าว “ดิฉันขอขอบคุณประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการนี้อย่างเป็นทางการ และขอเรียกร้องให้ทุกประเทศดำเนินการเช่นเดียวกัน อนุสัญญาเจนีวาจะสามารถบรรลุเป้าหมายตามเจตนารมณ์ในการรักษาชีวิตผู้คนได้ ต้องอาศัยความพยายามอย่างเต็มที่จากทุกประเทศในอันที่จะร่วมกันแสดงเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ในการยึดมั่นกฎแห่งสงคราม” ประธานกาชาดสากล กล่าว

