กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส.,พ.ต.อ.พิบูลย์ เวียงจันทร์ รอง ผบก.ปทส.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.วิญญู แจ่มใส ผกก. 2 บก.ปทส, พ.ต.ท.ปกรษณ์เกียรติ พงษ์ธนนิกร รอง.ผกก.2 บก.ปทส., ว่าที่พ.ต.ท.นัธทวัฒน์ สุรนารถ สว.กก.2บก.ปทส. พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 3 และชุดปฏิบัติการที่ 4 ร่วมกับ, เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม, เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี ร่วมกันตรวจสอบ/จับกุม สถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี ร่วมกันจับกุม 1..นายเยงฯ อายุ 28 ปี สัญชาติ เมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 1) 2. นายอาโย๊ะฯ อายุ 50 ปี สัญชาติ ไทย (ผู้ต้องหาที่ 2) 3. นายลีฯ สัญชาติจีน อายุ 31 ปี (ผู้ต้องหาที่ 3) ฐานความผิด 1. ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 35 (3) พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 2. ร่วมกันครอบครองวัตถุอันตรายโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ม.23 พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 3. ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ ม.54 (3) พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 4. ร่วมกันเอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดไว้ ม.142 ตามประมวลกฎหมายอาญา (ส่งพงส.สภ.ระเบาะไผ่)

พร้อมตรวจยึดของกลาง 1. รถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว จำนวน 1 คัน พร้อมกุญแจ (ขับโดยผู้ต้องหาที่ 1) 2. รถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว พร้อมตู้ทึบบรรทุกสินค้า ฉะเชิงเทรา จำนวน 1 คัน พร้อมกุญแจ (ขับโดยผู้ต้องหาที่ 2) 3. รถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้อ นิสสัน สีขาว พร้อมกุญแจ (ขับโดยผู้ต้องหาที่ 3) 4. เศษชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์ น้ำหนักประมาณ 1 ตัน (บรรทุกอยู่ท้ายรถยนต์ตรวจยึดคันที่ 1) 5. ชิ้นส่วนใบพัดระบายอากาศ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องทำความเย็น (บรรทุกอยู่ท้ายรถยนต์ตรวจยึดคันที่ 2) 6. เศษโลหะ เช่น เศษอะลูมิิเนียม และเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม (บรรทุกอยู่ท้ายรถยนต์ตรวจยึดคันที่ 3) ตามรายการของกลางที่ 4 – 6 เป็นของกลางที่ เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอายัด และสั่งให้ปิดและหยุดดำเนินกิจการเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2567 สถานที่จับกุม หน้าสถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่ อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปทส. ได้รับแจ้งว่าจะมีกลุ่มบุคคลนำรถกระบะเข้ามาขนสิ่งของออกจากบริษัทแห่งหนึ่ง ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีและสั่งปิดโรงงานดังกล่าว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้จัดวางกำลังดักชุ่มอยู่บริเวณใกล้กับบริษัทดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สั่งให้ปิดและหยุดดำเนินกิจการเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2567 ต่อมา ได้พบเห็นรถกระบะบรรทุกสีขาว จำนวน 3 คัน ขับเข้าไปยังบริษัท รถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว (รถยนต์ของกลางตรวจยึดคันที่ 1) ขับออกจากบริษัทดังกล่าวเป็นคันแรก จากนั้น รถยนต์ของกลางตรวจยึดคันที่ 2 และ รถยนต์ของกลางตรวจยึดคันที่ 3 ได้ขับตามออกมาโดยเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่จุดชุ่ม จึงได้ใช้วิทยุสื่อสารแจ้งแก่เจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่งซึ่งวางกำลังอยู่ภายนอกให้ทราบ กระทั่งรถยนต์กระบะบรรทุกทั้ง 3 คัน ได้ขับออกมายังบริเวณถนนสาธารณะ หมายเลข 3021 อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่วางกำลังอยู่ริมทางได้สังเกตพบเห็น รถยนต์กระบะลักษณะตรงตามที่เจ้าหน้าที่ชุดสังเกตุการแจ้ง จึงได้ขับรถยนต์ตราโล่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขับตามท้ายและให้สัญญาญไฟเพื่อให้หยุดรถ โดยคันที่ 1 รถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว หลังจากที่หยุดรถ เจ้าหน้าที่จึงได้สั่งให้ผู้ขับขี่ลงจากรถ ตรวจสอบทราบว่า บุคคลที่ขับรถของกลางตรวจยึดที่ 1 คือ นายเยงฯ อายุ 28 ปี สัญชาติ เมียนมา (ผู้ต้องหาที่ 1) คันที่ 2 รถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว พร้อมตู้ทึบบรรทุกสินค้า หลังจากที่หยุดรถ เจ้าหน้าที่จึงได้สั่งให้ผู้ขับขี่ลงจากรถ ตรวจสอบทราบว่า นายอาโย๊ะฯ อายุ 50 ปี สัญชาติ ไทย (ผู้ต้องหาที่ 2 ) เป็นผู้ขับขี่ คันที่ 3 รถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้อ นิสสัน สีขาว หลังจากที่หยุดรถ เจ้าหน้าที่จึงได้สั่งให้ผู้ขับขี่ลงจากรถ ตรวจสอบทราบว่า นายลีฯ สัญชาติ จีน อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่จึงได้เชิญตัวคนขับพร้อมรถยนต์ของกลาง มาตรวจสอบยังบริเวณ ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ซึ่งมีแสงสว่างเพียงพอ และไม่เป็นการกีดขวางการจราจร

จากการตรวจสอบพบเห็นรถยนต์กระบะบรรทุกทั้ง 3 คัน ได้บรรทุกสิ่งของที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เป็นสิ่งของที่เจ้าหน้าที่ได้สั่งให้อายัด ห้ามเคลื่อนย้าย รายละเอียดตาม จึงได้เชิญตัวบุคคลทั้ง 3 มาเพื่อตรวจสอบพร้อมจัดทำบันทึกการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหายังสถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่ ซึ่งเป็นท้องที่รับผิดชอบ เมื่อมาถึงคณะเจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบสิ่งของซึ่งอยู่ด้านหลังรถกระบะบรรทุกทั้ง 3 คันโดยละเอียดอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนเป็นผู้ตรวจสอบ (รายละเอียดตามบัญชีของกลางตรวจยึดแนบท้ายบันทึกฉบับนี้) โดยรถยนต์คันที่ 1 บรรทุก เศษชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ มอเตอร์ คันที่ 2 บรรทุก ชิ้นส่วนใบพัดระบายอากาศ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของเครื่องทำความเย็น คันที่ 3 บรรทุก เศษโลหะ เช่น เศษอะลูมิเนียม และเศษชิ้นส่วนอะลูมิเนียม ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่มีความเห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ บุคคลทั้ง 3 พร้อมแจ้งสิทธิ นำตัวส่ง พงส.สภ.ระเบาะไผ่

จากการจับกุมดังกล่าว ได้มีการขยายผลตรวจสอบโรงงานแห่งหนึ่งที่ ต.เสม็ดเหนือ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นโรงงานปลายทางที่มีการลักลอบลอบขนย้ายของกลางที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอายัด และสั่งให้ปิดและหยุดดำเนินกิจการ จากการตรวจสอบพบว่า มีความผิดในข้อหาตั้งและประกอบกิจการโรงงานลำดับที่ 106 โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 12 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 และความผิดฐานครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมฉะเชิงเทรา เป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พงส.สภ.เเปลงยาว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปเตือนภัย การครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย ชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต (ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์) เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535

