
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก, พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พ.ต.อ.ศานุวงศ์ คงคาอิทร์ ผกก.4 บก.ปปป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับสำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ท. ภายใต้การอำนวยการของ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่

ร่วมกันสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา นายสฤษฏิ์ฯ หรือพระธรรมวชิรธีรคุณสฤษฏิ์ฯ อายุ 66 ปี อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์และเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ 75/2568 ลงวันที่6 สิงหาคม 2568 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน“เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ฯ และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และ 157, นางสาวภูธินีฯ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาคกลางที่ 76/2568 ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2568 โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 และ 157 ประกอบมาตรา 86
สถานที่จับกุมผู้ต้องหาที่ 1 จับกุมที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(เข้ามอบตัว)และ ผู้ต้องหาที่ 2 จับกุมที่ บ้านพัก ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณต้นเดือนกรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้ทำการสืบสวนทราบว่า นายสฤษฏิ์ฯ หรือ พระธรรมวชิรธีรคุณสฤษฏิ์ จันท์ประธาตุ (อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์และเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์)มีพฤติกรรมยักยอกเงินวัดนครสวรรค์ไปเป็นประโยชน์ของตนหรือผู้อื่น (นางสาวภูธินีฯ) ต่อมา ผู้บังคับบัญชาจึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กองกำกับการ 4ฯ สืบสวนในกรณีดังกล่าว โดยจากการสืบสวนพบว่าระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2567 ถึง 10 กรกฎาคม 2568 ผู้ต้องหาที่ 1 ใช้อำนาจหน้าที่ของตนซึ่งมีตำแหน่งเป็น เจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์สั่งการให้พระลูกวัดเบิกถอนเงินจากบัญชีธนาคารของวัดนครสวรรค์ และนำฝากเข้าบัญชีธนาคารส่วนตัวของพระศตยาก่อนให้ทำการโอนต่อเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 1 จำนวน 2 บัญชี รวมมูลค่ากว่า 4.1 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 1 เข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา ที่ 2 ในห้วงวันเวลาเดียวกันนี้ รวมเป็นเงิน 405,000 บาท

โดยพระศตยา พระลูกวัดเจ้าของบัญชีธนาคารให้การยืนยันว่าได้รับคำสั่งโดยตรงให้เบิกถอนและโอนเงินดังกล่าว อีกทั้งยืนยันว่าพบเห็นผู้ต้องหาที่ 2 เดินทาง มาหาผู้ต้องหาที่ 1 ที่วัดนครสวรรค์หลายครั้งพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย กระทั่งวันนี้(14 ส.ค.68) บก.ปปป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท. จึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปสอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

