“เอกนัฏ” เอาจริง ส่ง “ทีมสุดซอย” ร่วม “บก.ปทส.” – “DSI” บุก รง.ปราจีน กลางดึก รวบโจรลักของกลาง

365

กรุงเทพฯ, วันที่ 14 ส.ค. – นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมารับรายงานด่วนว่า มีการลักลอบเคลื่อนย้ายของกลางที่ได้มีการยึดอายัดไว้ ที่ จ.ปราจีนบุรี จึงได้มอบหมายให้นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงาน รมว.อุตสาหกรรม และหัวหน้าทีมสุดซอย ประสานกับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต. วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. และกรมสอบสวนกลางคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) วางแผนติดตามตรวจสอบ และจับกุม โดยมีสื่อมวลชนร่วมบันทึกหลักฐาน

นายเอกนัฏ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม เวลา 20.00 น. ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีกลุ่มบุคคลนำรถกระบะเข้ามาขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นของกลางที่ยึดอายัดไว้ จากบริษัทหัวไท่ เชิงเหอ จำกัด ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 10 ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ที่อยู่ระหว่างถูกคำสั่งปิดและอยู่ระหว่างการสอบสวนดำเนินคดีโดย DSI ทีมสุดซอยพร้อมเจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบรถกระบะบรรทุกสีขาว จำนวน 3 คัน ขับเข้าไปยังบริษัท ต่อมาเวลา 22.00 น. รถทั้ง 3 คันได้ทยอยออกมา โดยบรรทุกสิ่งของที่เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เจ้าหน้าที่จึงเข้าทำการจับกุม ผู้ขับรถของกลางทั้ง 3 ราย คือ 1.นายเยง ซาน ทุน สัญชาติเมียนมา 2.นายอาโย๊ะ หมื่อแล สัญชาติไทย และ 3.นายลี จิน ชุน สัญชาติจีน จึงทำการเชิญตัวไปทำการสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่

 ด้านนางสาวฐิติภัสร์ กล่าวว่า ภายหลังมีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยและของกลางมายังสถานีตำรวจแล้วเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบสิ่งที่บรรทุกมาเพิ่มเติมและพบว่าเป็นของกลางที่ยึดอายัดไว้จริง จึงได้ทำการแจ้งข้อหา 1.ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ร.บ.โรงงาน 2.รวมกันครอบครองวัตถุอันตรายโดยมิได้รับอนุญาต 3.ร่วมกันฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย 4.ร่วมกันเอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์สินที่พนักงานยึดไว้ โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คนรับสารภาพตามข้อกล่าวหาทั้งหมดจึงจับกุม และคุมขังที่สถานีตำรวจภูธรระเบาะไผ่

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ชุดสุดซอย ตำรวจ บก.ปทส. ดีเอสไอ และสื่อมวลชน ได้ร่วมกันวางแผนติดตามตรวจสอบและจับกุม และบันทึกคลิปวีดีโอทั้งหมด จะนำไปเป็นหลักฐานเพื่อนำขึ้นสู่การพิจารณาดำเนินคดีและไต่สวนของศาลเพิ่มเติม ถึงพฤติกรรมของผู้ประกอบการที่ไม่เคารพกฎหมาย ฝ่าฝืนกฎหมายหลายข้อหา

 “คาดว่าโรงงานดังกล่าวได้วางแผนลักลอบขนย้ายของกลางเพื่อนำไปขายต่อ และปกปิดอำพรางของกลาง แต่ในทางกฎหมายไม่สามารถทำได้เนื่องจากโรงงานฯ ได้มีคำสั่งปิดและยึดอายัดของกลาง พร้อมอยู่ระหว่างการดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งการกระทำในครั้งนี้ถือว่าอุกอาจมาก จึงต้องให้เจ้าหน้าที่เอาผิดดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” นางสาวฐิติภัสร์กล่าว