“อย่าให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลก็ได้”

531

มีข้อสังเกตหลายประการสำหรับการเมืองไทย ในห้วง 1 เดือนสารพัดวิกฤตถาโถมเข้าใส่ประเทศ เริ่มจากกรณีแรก ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยกรณีคลิปเสียงสนทนาระหว่างฮุน เซน ที่แอบอัดการเจรจาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จนเป็นที่มาของการสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย โดยนัดในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ หลังจากมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อ 1 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา หลังจากคลิปเสียงหลุดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน จน “กลุ่ม ส.ว.” รวมตัวกันยื่น และศาลมีมติเสียงข้างมาก 7:2 สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือน

ในขณะที่ สว. เองมีเรื่องถูกร้องมากมายตั้งแต่รับตำแหน่งมาปีเศษ ถึงวันนี้ยังไม่มี สว. สักคนที่จนมุมจนแต้มหยุดทำหน้าที่ แถมยังมีการเดินหน้าแต่งตั้งคนมาดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระมากมายด้วย นี่คือข้อสังเกตแรก

ประการต่อมา การสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่มาจนถึงวันนี้ ประเทศไทยผ่านวิกฤตที่เกี่ยวข้องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากมาย เห็นได้ชัดสุดคือชายแดนกัมพูชา ทหารปะทะ กัมพูชาเล่นสกปรก ยิงจนพลเรือนเสียชีวิต แอบเอากับระเบิดมาวาง ชอบเคลมสิ่งต่าง ๆ ปั้นข่าวปลอม สารพัดพิษ คบไม่ได้ ในขณะที่ไทยเหมือนไม่มีรัฐบาล มันช่างประจวบเหมาะจริง ๆ การเจรจาเราได้ผู้ปฏิบัติหน้ารักษาการนายกฯ แทน ส่วนชายแดนกองทัพทำเข้มแข็งเต็มที่ สิ่งที่รัฐบาลผู้กุมอำนาจรัฐ มีสื่อในมือ มีเงิน มีทุน แต่กลับพ่ายแพ้ฮุน เซนที่ขยันปั้นน้ำเป็นตัว ส่วนการเจรจาก็ไปทำตามกรอบ ยึดสันติภาพ เราไม่ได้เห็นบทบาทนำในความเก๋าด้านการทูต แต่อย่างว่า เจรจากับพวกฮุน เซนที่เล่ห์เยอะก็ยาก แต่ทำไมคนไทยทุกรนต่างรู้สึกว่า “เราเป็นผู้ตามตลอด” เสียงดังพอ พลังเรามากพอในเวทีโลกหรือไม่ ความชอบธรรมมีมากน้อยแค่ไหนในเกมนี้ เราเดินหมากกับคนโกง คนเลว ก็ไม่เห็นว่าเราจะต้อง “ยอมไปเสียทุกเรื่อง”

งานที่รัฐบาลน่าจะช่วยได้มากที่สุด เช่น เยียวยา ก็พบปัญหาว่า “มีบางจังหวัด” กลับเบิกงบไปได้แค่ 5 หมื่นบาท ในขณะที่จังหวัดอื่นในเขตประกาศพื้นที่อพยพเบิกกันไปหลายล้าน แตะร้อยล้าน กลไกมหาดไทยทุกวันนี้ รัฐบาลเพื่อไทยก็ถือไพ่ตรงนี้อยู่ กลับชักช้าเหมือนตบหน้าประชาชน ชาวบ้านที่ต้องอดทนดิ้นรน มีชีวิตให้รอด ทหารก็ทำหน้าที่ไป รัฐบาลกลับดูล่าช้าทั้งการแถลงและเยียวยา กระทั่งในการเจรจาระหว่างประเทศ จนบางคนถามว่า “เรายังมีรัฐบาลอยู่ไหม?” และหลายคนเชื่อมั่นว่า ต่อให้นายกฯ ไม่ได้ประสบอุบัติเหตุให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ความที่โกลาหลก็ยังคงปรากฏอยู่ สภาพไม่ได้แตกต่างกัน!

ขณะเดียวกัน เรื่องภาษีทรัมป์ เราได้อัตราอยู่ที่ 19% แต่ในแง่หนึ่ง กัมพูชาแม้เลข 19% ตอนนี้เท่ากัน แต่ในความเป็นจริง กัมพูชาได้ลดเยอะกว่า เพราะเราจาก 36 เหลือ 19 กัมพูชา 49 เหลือ 19 ทั้งที่ความเสียเปรียบในเชิงเศรษฐกิจเรามากกว่ามาก เพราะขนาดเศรษฐกิจ กำลังผลิต บางคนก็บอกว่าควรดีใจที่ไม่ได้โดนสูงเหมือนเดิมก็พอแล้ว ถ้าเรามองเผิน ๆ เปรียบเทียบชัด ๆ ง่าย ๆ แบบนี้ กัมพูชาได้มากกว่าด้วยซ้ำ

ถามด้วยคำถามเดียวกัน ถ้านายกฯ ไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จะดีกว่าหรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่เสมอไปเช่นกัน! นั่นเลยกลับไปสู่หัวข้อที่ว่า “อย่าให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลก็ได้” อย่าให้การขับเคลื่อนประเทศเต็มไปด้วยการด่า ความล่าช้า การทำงานไม่ได้ ทำงานไม่เป็น มีคนอื่นล้ำหน้ากว่า ทั้งที่ตัวเองคุมทรัพยากร ความได้เปรียบสารพัด ถ้ากลับทำงานไม่ได้เอกภาพ ควรพิจารณาตัวเองดี ๆ หรือเปลี่ยนทีมสักที นี่มันคือช่วงบั้นปลายของชีวิตรัฐบาลแล้ว ถ้ายังไม่อยากสูญพันธุ์ หรือกลายเป็นพรรคต่ำร้อย ไปที่ไหนมีแต่คนรอก่นด่า ปรับตัวตอนนี้น่าจะพอกระเตื้องขึ้นได้บ้าง จุดสำคัญอย่าให้คนเขาคิด เขาถามตลอดว่า ตกลงเรามีรัฐบาลไหม มัวทำอะไรอยู่!!!??