กรุงเทพฯ, วันที่ 6 ส.ค. – ดร.หญิง ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมเปิดตัวโครงการพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (Vocational Education Up Skill – VOC-UP) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และภาคเอกชน 6 ราย เพื่อขับเคลื่อนระบบการผลิตบุคลากรอาชีวะให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตามแนวทางที่รัฐบาลแพทองธาร พยายามผลักดันและขับเคลื่อนให้เกิดการจ้างงานที่แท้จริง ในภาคอุตสาหกรรมที่มาลงทุนในไทย
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวว่า จากที่ได้ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการ และสถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศ พบว่าเรามีเด็กที่ตั้งใจ และสถานศึกษาที่เข้มแข็ง แต่ยังขาดโครงการความร่วมมือที่จะมารองรับอย่างเป็นระบบ ดังนั้น โครงการ VOC-UP เกิดขึ้นจากความเชื่อและความตั้งใจของรัฐบาลในการผลักดันอาชีวศึกษาให้เป็นคำตอบของประเทศ ในการสร้างแรงงานคุณภาพเพื่อรองรับเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), โลจิสติกส์ และสุขภาพ ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ไทยกำลังจะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายสำคัญของโลก และคาดว่า VOC-UP จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรม VCB ให้เกิดมูลค่าราว 5.1 หมื่นล้านบาท
รมช.ศธ.กล่าวว่า นี่คือความพยายามที่ไม่รอให้แรงงานวิ่งเข้าหางาน แต่เป็นฝ่ายภาครัฐและสถานศึกษาเดินเข้าไปหาภาคอุตสาหกรรม เพื่อถามว่า ต้องการแรงงานแบบไหน และควรออกแบบการเรียนรู้อย่างไร เพื่อให้เด็กไทยมีโอกาสมีงานทำจริง และมีอนาคตที่มั่นคง เราจึงเดินหน้าจัดทำ MOU กับภาคเอกชนเพื่อออกแบบหลักสูตรร่วม รวมถึงส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มที่มีทักษะอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในระยะแรกของโครงการ VOC-UP จะมีการจ้างงานทันที 1,875 อัตรา และตลอดระยะเวลา 5 ปี คาดว่าจะเกิดการจ้างงานรวมไม่น้อยกว่า 3,000 ตำแหน่ง และในระยะยาวคาดว่าจะเปิดโอกาสในการจ้างงานกว่า 10,000 ตำแหน่งทั่วประเทศ พร้อมเชื่อมโยงการเรียนรู้กับการทำงานจริง สร้างระบบนิเวศอาชีวศึกษาที่ยั่งยืน พัฒนากำลังคนให้มีทักษะที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจใหม่ของประเทศ
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการจากสถานศึกษาอาชีวะ 8 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งแสดงศักยภาพด้านสาขาอาชีพสำคัญ เช่น อากาศยานไร้คนขับ, พาณิชย์นาวี, ปิโตรเคมี, ขนส่งทางราง, ยานยนต์ไฟฟ้า, ธุรกิจการบิน, งานช่าง และพาณิชยกรรม โดยทุกแห่งล้วนเป็นต้นแบบการประสานงานกับภาคอุตสาหกรรมจริง
