“ภูมิธรรม” ถก 30 บริษัทระดับโลก อุตสาหกรรมเป้าหมาย รับมือภาษีทรัมป์, 6 บ.แผงวงจรพิมพ์ จับมือบีโอไอ-อาชีวะพัฒนาคน สร้างงาน 3 พันอัตราใน 5 ปี

571

ทำเนียบรัฐบาล, 6 สิงหาคม – นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังหารือกับ ผู้บริหาร 30 บริษัทชั้นนำระดับโลก ในงาน “Prime Minister Meets Investors: Confidence in Thailand’s Future – Prime Minister’s Dialogue with Global Investors” ว่า รัฐบาลได้เชิญบริษัทชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง แผงวงจรพิมพ์ (PCB) ยานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดิจิทัล และอุตสาหกรรมอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ โดยทุกบริษัทมีการลงทุนขนาดใหญ่ในไทยช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มูลค่ารวมกว่า 5.5 แสนล้านบาท จ้างงานรวมกว่า 53,000 ตำแหน่ง มาร่วมแลกเปลี่ยนและสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนและการดำเนินธุรกิจในไทย โดยเฉพาะในช่วงเวลาสำคัญนี้ หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราร้อยละ 19

รัฐบาลมุ่งส่งเสริมและดึงดูดให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนกลไกทางเศรษฐกิจและสังคม สนับสนุนความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและสถาบันการศึกษาในการสร้างบุคลากรที่มีทักษะสอดรับกับความต้องการของอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ รวมถึงเกิดการถ่ายทอดความรู้และความช่วยเหลือให้แก่เกษตรกรในการเพิ่มผลผลิตและการเพาะปลูกที่สอดคล้องกับมาตรฐานโลก เพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปต่างประเทศ 

ภายหลังการหารือกับนักลงทุนทั้ง 30 บริษัท นายภูมิธรรม ได้ร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ชั้นนำระดับโลก 6 ราย ซึ่งมีเงินลงทุนรวมกว่า 51,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนากำลังคนด้านอาชีวศึกษาให้ตอบโจทย์อุตสาหกรรม โดยความร่วมมือนี้จะก่อให้เกิดการจ้างงานทันที 1,880 อัตรา รวมกันไม่น้อยกว่า 3,000 อัตราภายใน 5 ปี เกิดการพัฒนาหลักสูตรร่วมกันระหว่างสถานศึกษาอาชีวศึกษาและภาคอุตสาหกรรม

ความร่วมมือนี้เป็นหนึ่งในตัวอย่างสำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า นอกจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่จะสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศแล้ว ยังเกิดการยกระดับการพัฒนาบุคลากรไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนระดับอาชีวศึกษา พร้อมยกระดับทักษะให้สอดคล้องกับความต้องการของอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

“การลงทุนจากบริษัทระดับโลกเหล่านี้ จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโต สร้างรายได้หมุนเวียนภายในประเทศหลายแสนล้านบาทต่อปี อีกทั้งยังช่วยต่อยอดไปยังภาคเกษตรกรรม การศึกษา และธุรกิจท้องถิ่นในพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม” นายภูมิธรรมกล่าว