สืบนครบาล 8​ รวบหัวจ่ายเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ซุกยาเสพติดไว้ในรถย่านรามคำแหง

898

ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล “No Drugs No Dealers” โดย พณฯท่าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งการให้เจ้าหน้าที่ภาค​รัฐ​ ทุกภาคส่วนปราบปรามกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด เนื่องจากเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงและเป็นต้นเหตุของการเกิดอาชญากรรมในสังคม อันจะส่งผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยในสังกัด ดำเนินการตามนโยบาย “No Drugs No Dealers” อย่างเข้มข้น โดยกำหนดให้มีผลการปฎิบัติ ที่เป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 3 เดือน

กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ รอง ผบช.น. จึงได้สั่งการและกำหนดแนวทางในการปฎิบัติ โดยให้ทุกหน่วยในสังกัดเริ่มดำเนินการ X-Ray พื้นที่ ในการค้นหาผู้เสพ ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 พร้อมกันทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร จากนั้นให้ดำเนินการขยายผลดำเนินการไปยังผู้ค้ารายย่อยและรายใหญ่ เพื่อดำเนินการสืบสวนจับกุม และดำเนินการยึดทรัพย์โดยเด็ดขาด

กองบังคับการตำรวจนครบาล 8โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์ ผบก.น. 8, พ.ต.อ.ดุสิต วาลีประโคน รอง ผบก.น.8 ได้สั่งการให้ 11 สถานีตำรวจในสังกัด ร่วมกับ กก.สส.บก.น.8 ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวข้างต้นของผู้บังคับบัญชาโดยเคร่งครัด ซึ่งจากการดำเนินการ X-ray พื้นที่ และการขยายผลจับกุมผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่รับผิดชอบพบข้อมูลของเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ที่มีพฤติการณ์ลักลอบนำยาเสพติดมาจำหน่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน รวมถึงในพื้นที่รับผิดชอบของ บก.น.8 ด้วย

กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล8 โดย พ.ต.อ.โชติช่วง รัศมี ผกก.สส.บก.น.8, พ.ต.ท.บุญฤทธิ์ เสียงใส, พ.ต.ท.อชิรเวชชย์ สุพรรณเภสัช ,พ.ต.ท.ณรรฐพงษ์ มัคเจริญ รอง ผกก.สส.บก.น.8,พ.ต.ท.นัทธพงศ์ แก้วอยู่, ว่าที่ พ.ต.ต.ทรงผล นาคชำนาญ​ สว.กก.สส.บก.น.8 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดกก.สส.บก.น.8 จึงได้ร่วมกันสืบสวนติดตาม พฤติกรรมของกลุ่มผู้กระทำความผิดที่เป็นเป้าหมายดังกล่าว จนสามารถจับกุมตัวกลุ่มผู้กระทำความผิดไว้ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

วันที่ 5 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 00.10น.สถานที่จับกุม/ตรวจยึดบริเวณกลางซอยรามคำแหง 37 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ต่อเนื่อง บริเวณดาดฟ้าหอพักภายในซอยรามคำแหง 37 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
​จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย
​นายวศิน หรือโบ๊ท (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี
และนายอัฟด๊อล หรือด๊อล (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี

โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า”ร่วมกันจำหน่าย โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน และร่วมกันจำหน่าย โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิด การแพร่กระจายในหมู่ประชาชน”พร้อมด้วยของกลางยาไอซ์ จำนวน 314 ถุง น้ำหนักถุงละประมาณ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนักประมาณ 314 กิโลกรัม, คีตามีน จำนวน 22 ถุง น้ำหนักถุงละประมาณ 1 กิโลกรัม รวมน้ำหนักประมาณ 22 กิโลกรัม, รถยนต์ที่ใช้ซุกซ่อนและรับ-ส่งยาเสพติด จำนวน 1 คันและโทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง

พฤติการณ์กล่าวคือก่อนการจับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนขยายผลจากการดำเนินการตามนโยบาย “ No Drugs No Dealers” จนทราบว่า มีเครือข่ายลักลอบนำยาเสพติดมาจำหน่ายในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครชั้นใน และในพื้นที่รับผิดชอบของ บก.น.8 เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมถึงต้นทางยาเสพติด จนทราบว่ามีเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ย่านรามคำแหง มีพฤติกรรมซุกซ่อนยาเสพติดไว้ภายในรถยนต์ และนำรถยนต์มาจอดไว้ภายใน ซ.รามคำแหง 37 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และจะไปรับยาเสพติดจำนวนมากมาเก็บซุกซ่อนไว้จากนั้นจะทยอยกระจายยาเสพติดให้กับผู้ค้ารายย่อย โดยจะเก็บซุกซ่อนไว้ในรถยนต์ ยี่ห้อToyota รุ่นAvanza สีขาว เพื่อเป็นการอำพราง โดยมีนายวศิน (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี เป็นผู้ดูแลและจัดส่งยาเสพติดให้กับลูกค้า จึงได้สืบสวนติดตามพฤติกรรมเรื่อยมา

ต่อมาวันที่ 4 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เฝ้าติดตามพฤติกรรม ของนายวศินฯ ได้ขึ้นรถยนต์ยี่ห้อToyota รุ่นAvanza สีขาว และขับออกไป พร้อมกับนายอัฟด๊อลฯ (ทราบชื่อภายหลัง) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการสะกดรอยติดตามไปถึงลานจอดรถ ย่านอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพบรถยนต์คันดังกล่าวจอดอยู่ในลักษณะมีพิรุธต้องสงสัยว่าอาจจะมีการรับ-ส่งยาเสพติด

จากนั้นได้นายวศินฯ ได้ขับรถยนต์มุ่งหน้ากลับเข้าพื้นที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร และมาจอดอยู่ภายใน ซ.รามคำแหง 37 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร และพบเห็น นายวศินฯ และนายอัฟด๊อลฯ ลงจากรถยนต์คันดังกล่าว จึงได้ขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ 1.ยาไอซ์ จำนวน 239 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 239 กิโลกรัม 2.คีตามีน จำนวน 22 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 22 กิโลกรัม 3.โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง จึงได้ ทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย พร้อมของกลางและแจ้ง ข้อกล่าวหาให้ทราบว่า “ร่วมกันจำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์ หรือเมทแอมเฟ ตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน และร่วมกันจำหน่าย โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งวัตถุ ออกฤทธิ์ในประเภท2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน” ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปที่กองกำกับการสืบสวนนครบาล 8 เพื่อทำการซักถามขยายผล

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการซักถามผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย เกี่ยวกับที่ซุกซ่อนยาเสพติดว่ายังมียาเสพติดเก็บซุกซ่อนอยู่ที่ใดอีกหรือไม่ ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การว่าบริเวณดาดฟ้าหอพักภายใน ซ.รามคำแหง 37 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร มียาไอซ์ซุกซ่อนอยู่อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ไปทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบยาไอซ์ ซุกซ่อนอยู่ภายในถุงกระสอบสีรุ้ง จำนวน 75 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ75 กิโลกรัม จากการตรวจค้นทั้ง 2 จุด เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึด 1.ยาไอซ์ จำนวน 314 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 314 กิโลกรัม 2.คีตามีน 22 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 22 กิโลกรัม 3.รถที่ใช้รับ-ส่งและซุกซ่อนยาเสพติด จำนวน 1 คัน

หลังจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดดังกล่าวในข้อหา สมคบฯ ฟอกเงิน และประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเพื่อดำเนินการตามมาตรการตรวจยึดทรัพย์ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป