“มาริษ” ฉะ “กัมพูชา” น่าเกลียด!! ปูดเฟคนิวส์ ไทยลอบสังหารผู้นำ จี้ให้รีบมาเก็บศพทหาร – นัดถกทูตไทยทั่วโลก 7 ส.ค.นี้

561

กรุงเทพฯ, วันที่ 5 ส.ค. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาปล่อยข่าวปลอมในช่วงเช้าว่าไทยวางแผนลอบสังหารผู้นำกัมพูชา ว่า เป็นการกระทำที่น่าเกลียดมาก ซึ่งอธิบดีกรมสารนิเทศที่ได้ตอบโต้ประท้วงไปแล้วในทันที ไทยไม่ทำสิ่งใดที่ผิดกฎหมาย ไม่สอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎบัตรสหประชาชาติ

นายมาริษ กล่าวว่า หลังจากเมื่อวาน (4 ส.ค.) มีการสรุปข้อเท็จจริงแถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้กับทูต และองค์กรระหว่างประเทศรวม 75 ประเทศ ได้รับการตอบรับที่ดี ทำให้ประชาคมโลกเข้าใจไทยมากยิ่งขึ้น พร้อมย้ำว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นสิ่งที่ไทยต้องการ ขอเรียกร้องให้กัมพูชาใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกันมาโดยตลอดทั้ง JBC RBC และ GBC ซึ่งไทย และกัมพูชาเป็นประเทศอาเซียนด้วยกัน ต้องแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีและสุจริตใจ

ส่วนกระแสสงครามข่าวสารบิดเบือนจากฝ่ายกัมพูชานั้น นายมาริษ ขอให้ประชาชนบริโภคข่าวสารอย่างมีสติและใช้วิจารณญาณในการพิจารณา ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ โดยสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล และสำนักงานประเทศไทย ได้ใช้กลไกที่มี แสดงความชัดเจนบนเวทีพหุภาคีต่าง ๆ ซึ่งทูตไทยทุกแห่งได้ดำเนินมาตรการที่สอดรับกัน และทำงานกันอย่างเป็นทีม โดยในวันที่ 7 สิงหาคมนี่ ตนได้นัดระชุมออนไลน์กับสถานทูตทุกแห่ง เพื่อมอบหมายแนวทางดำเนินการ โดยเฉพาะการมุ่งเน้นไปที่สงครามจิตวิทยา และสงครามข่าวสาร เพราะที่ผ่านมามีการใช้สงครามข่าวสารที่บิดเบือนอยู่ตลอดเวลา จึงจะชี้แจงตอบโต้ในทุกภาคส่วนทุกระดับ และทุกด้าน เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา พร้อมได้ขอไปยังรมว.ต่างประเทศมาเลเซียแล้วว่า ให้ช่วยเตือนกัมพูชาให้ยุติการใช้เฟคนิวส์

ส่วนการลงพื้นที่พาผู้แทนองค์กรระหว่างประเทศเยี่ยมเชลยศึกนั้น นายมาริษ ย้ำว่า รัฐบาลได้ใช้มาตรการเชิงรุกมาโดยตลอด ตั้งแต่วันแรกที่มีการกล่าวหาจากฝ่ายกัมพูชา ก็ได้ให้คณะทูตถาวรที่เจนีวาติดต่อชี้แจง กาชาดสากลให้เข้ามาติดตาม เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไทยเปิดกว้าง และเคารพต่ออนุสัญญาเจนีวา ดูแลเชลยศึกอย่างดี เป็นไปตามหลักกฏหมายระหว่างระหว่างประเทศ ที่ตราบใดที่ยังไม่มีความมั่นใจว่าเหตุการณ์จะสงบ ก็ยังมีสิทธิควบคุมตัว

นอกจากนี้ขอเรียกร้องกัมพูชามาเก็บร่างทหารที่เสียชีวิตจากการสู้รบตามแนวชายแดน เพื่อเป็นการให้เกียรติและเคารพในทหารด้วย โดยไทยจะทำหน้าที่สื่อสารเพื่อให้กัมพูชาเร่งดำเนินการ ส่วนแผนการฟ้องอาญา-แพ่งผู้นำกัมพูชานั้น นายมาริษย้ำว่า เป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ โดยจะมีคณะทำงานร่วมกัน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน

นายมาริษ ยังกล่าวถึงการประชุม GBC วันที่ 2 ที่มาเลเซียว่า เป้าหมายที่ไทยต้องการเห็นคือ การหยุดยิงถาวร มีกลไกในการตรวจสอบ ตามที่ได้มีการหารือกันไว้ในระดับแม่ทัพ และตนเชื่อมั่นว่า กลไกของ GBC มีความสำคัญที่สุด และอยากเห็นการทำงานเจรจาภายใต้กรอบทวิภาคี ดำเนินการไปให้ได้มากที่สุดตกลงกันให้ได้ และพูดคุยในเรื่องอื่นต่อไป เพราะฉะนั้นประเด็นสำคัญที่สุด คือการพูดคุยกันในกรอบของ GBC