หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม“รองฯ อุทัย” จัดหนัก แถลงปิดคดี คดีคานปูนและเครนก่อสร้างถนนยกระดับบน ถ.พระราม 2 งัดกฏหมายเอาผิดทุกเม็ด

“รองฯ อุทัย” จัดหนัก แถลงปิดคดี คดีคานปูนและเครนก่อสร้างถนนยกระดับบน ถ.พระราม 2 งัดกฏหมายเอาผิดทุกเม็ด

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม 2568 เวลา 14.30 น. ที่ ห้องโถงอาคารที่ทำการตำรวจภูธรภาค 7 ชั้น 1 อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงว่า ด้วยเหตุในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 เกิดเหตุคานปูนและเครนก่อสร้างถนนยกระดับบนถนนพระรามของโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 82 สายทางยกระดับบางขุนเทียน – บ้านแพ้ว ช่วงเอกชัย – บ้านแพ้ว ตอน 1ช่วง กม.21+600 เขตพื้นที่หมู่ 1 และหมู่ 2 ตำบลคอกกระบือ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร หล่นจากที่ติดตั้งลงมาเป็นเหตุให้มีคนงานรับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ 1. ผู้เสียชีวิต จำนวน 6 ราย คือ 1) นายอภิวัฒน์ พะพันทาง อายุ 30 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2) นายเอ หรือ AYAR อายุ 37 ปี เสียชีวิตที่ รพ.สมุทรสาคร 3) นายสุทัศน์ บุญเรื่อง อายุ 31 ปี สัญชาติไทย เสียชีวิตที่ รพ.มหาชัย 1 4) นายชิต โกโก เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 5) นายเพียว โก โก เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 6) นายอ่อง เทียน เท เมียนมา เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

2. ผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ใน รพ.สมุทรสาคร จำนวน 4 ราย คือ 1) นายนัน โกโก อายุ 24 ปี เมียนมา 2) นายเบ ดา อายุ 34 ปี เมียนมา3) นายวรยศ ศรีรีเวช อายุ 25 ปี 4) นายพสิน ผิวทน อายุ 19 ปีรักษาที่ รพ.เอกชัย จำนวน 1 ราย คือ 1) นายพงษ์ศักดิ์ นรสาร อายุ 35 ปีรักษาที่ รพ.วิชัยเวชสมุทรสาคร จำนวน 1 ราย คือ 1) นายทรงวุฒิ พุทธเสน อายุ 18 ปีเศษ สำหรับผู้บาดเจ็บที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน จำนวน 3 ราย คือ 1) นายสอย โกโก อายุ 20 ปี ถลอกที่ศีรษะ 2) นางสาวเมตู มิน อายุ 32 ปี เป็นลม 3) นายอองซอ นิน อายุ 31 ปี ถลอกร่างกาย สรุป เสียชีวิต 6 คน (คนไทย 2 คน ต่างด้าว 4 คน) บาดเจ็บ 9 คน (คนไทย 4 คน ต่างด้าว 5 คน) ตามข่าวที่เสนอไปแล้ว นั้น

พล.ต.ต.อุทัย เปิดเผยอีกว่า ตามนโยบายของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาส่งเสริมสนับสนุน และแก้ไขปัญหางานสอบสวนอันเป็นอำนวยความยุติธรรมทางอาญา ให้ตำรวจเป็นที่พึ่งพิงของประชาชนอย่างแท้จริงตำรวจภูธรภาค 7 โดยการนำของ พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มอบหมายให้ตน รับผิดชอบฝ่ายกฎหมายและสอบสวน เข้าควบคุม กำกับ ดูแลการสอบสวนในคดีดังกล่าว เพื่อสอบสวนถึงสาเหตุและนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน ประชาชนผู้สัญจรทั่วไป

ทั้งนี้ ตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีระเดช อธิภัคกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร, พ.ต.อ.ภคิน ศิวเมธากุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และ พ.ต.อ.พิเชษฐ์พงศ์แจ้งค้ายคม ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร เห็นว่า เหตุดังกล่าวนี้ได้เกิดขึ้นซ้ำมาหลายครั้งแล้ว มีผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน ต่อเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง จึงได้เร่งรัด กำชับ การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ในการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ให้มีความศักดิ์สิทธิ์เกิดความผาสุกแก่ประชาชนไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีกต่อไป ซึ่งได้เร่งรัดการทำงานสืบสวนสอบสวนมาโดยตลอดนั้น ในวันนี้จึงได้จัดประชุมเพื่อสรุปสำนวนปิดคดี

สรุปผลการสอบสวนได้ โดยแยกดำเนินคดีแบ่ง เป็น 4 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มอาญา บุคคลธรรมดา ส่งพนักงานอัยการดำเนินคดีฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา291, มาตรา 300, มาตรา 390ฐาน เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227, มาตรา 238 ดำเนินคดีกับ 1. วิศวกรผู้ควบคุมงานของบริษัท อุดมศักดิ์ เชียงใหม่ จำกัด 2. นายช่างฯผู้ควบคุมงานของกรมทางหลวง 3. หัวหน้าคนงาน บริษัท พีเอซีไอ คอนสตรัคชั่น จำกัด

2. กลุ่มอาญานิติบุคคล บริษัท ฯ ผู้รับเหมาที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นคู่สัญญากับรัฐ และบริษัท ฯ ผู้รับจ้างช่วง ฐานเป็นผู้กระทำความผิดในทางอาญา ส่งพนักงานอัยการดำเนินคดีฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้รับบาดเจ็บสาหัส และถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 , มาตรา 300, มาตรา 390 ฐาน เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นเหตุให้ บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227, มาตรา 238 พระราชบัญญัติอาชีวอนามัย ฯ พระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ฯ ดำเนินคดีกับ 1. บริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด ผู้รับจ้างหลัก 2. บริษัท พี เอส ซี ไอ คอนสตรัคชัน จำกัด ผู้รับจ้างช่วง

3. กลุ่มความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของเจ้าพนักงาน (เจ้าหน้าที่ของรัฐ) ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการในอำนาจหน้าที่ ต่อไป ฐาน ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐาน เป็นผู้มีวิชาชีพในการออกแบบ ควบคุม หรือทำการก่อสร้าง ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบวิชาชีพ เป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตาย ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 227, มาตรา 238 ดำเนินคดีกับหัวหน้าผู้รับผิดชอบควบคุมโครงการที่เกิดเหตุของ กรมทางหลวง

4. กลุ่มผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิด คือ บริษัท ฯ ผู้รับเหมาที่เป็นนิติบุคคล ซึ่งเป็นคู่สัญญากับรัฐ และบริษัท ฯผู้รับจ้างช่วง ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานให้กระทำความผิด ส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ดำเนินการในอำนาจหน้าที่ ต่อไปฐาน ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 86 ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำ ความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก นั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้องระวางโทษสอง ในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่สนับสนุนนั้นดำเนินคดีกับ1. บริษัท อุดมศักดิ์เชียงใหม่ จำกัด ผู้รับจ้างหลัก 2. บริษัท พี เอส ซี ไอ คอนสตรัคชัน จำกัด ผู้รับจ้างช่วง

“ตำรวจภูธรภาค 7 ขอเรียนว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีสำคัญกระทบต่อความเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมายและกระทบต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างยิ่งกระทบต่อมาตรฐานความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ กระทบต่อเศรษฐกิจความเชื่อมั่นของประเทศโดยรวม จึงได้ให้คำมั่นว่าจะทำให้เป็นคดีตัวอย่างในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มประสิทธิภาพและให้เกิด ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นซ้ำอีก ในเส้นทางพื้นที่รับผิดชอบ บนเส้นทางถนนพระราม 2 ต่อไป” พล.ต.ต.อุทัย กล่าว

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img