สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.สุเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม.แถลงจับกุมผู้ต้องหาแก๊งล้วงประเป๋าชาวฟิลิปปินส์ โดยกล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจสตม. เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว กก.1 บก.ทท.1 และ สน.ทองหล่อ ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาแก๊งล้วงกระเป๋า ชาวฟิลิปปินส์ จำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายเฟอร์นาน โดแกมบัว อายุ 35 ปี นายไมเคิล จูมาเจียว อายุ 44 ปี และน.ส.ไอนี ราเบ อายุ 33 ปี ทั้งหมดเป็นชาวฟิลิปปินส์ ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์ผู้อื่นในยวดยานสาธารณะ, ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นและใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่น ซึ่งได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้โดยมิชอบ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือร่วมกันรับของโจร” เมื่อวันที่ 2 พ.ย.กลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุล้วงกระเป๋าลักเอาทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นได้ทรัพย์สินทั้งเงินสดและทรัพย์สินอื่นๆ เป็นจำนวนเงินประมาณ 1 แสนบาท โดยกลุ่มคนร้ายจะมองหาเหยื่อชาวต่างชาติบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และอาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายอยู่ในขบวนรถไฟฟ้า ซึ่งมีผู้โดยสารจำนวนมาก เข้าไปยืนล้อมกรอบผู้เสียหายและเบียดในระยะประชิดเพื่อไม่ให้ผู้เสียหายรู้ตัวและช่วยกันบังไม่ให้ผู้โดยสารคนอื่นมองเห็นแล้วล้วงเอาทรัพย์สินไป หลังจากก่อเหตุก็จะนำทรัพย์สินทั้งเงินสดและบัตรเครดิตที่ลักได้นำไปซื้อสินค้าภายในห้างสรรพสินค้าต่างๆ ภายหลังผู้เสียหายรู้ตัวจึงได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ จนต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนนำไปสู่การออกหมายจับคนร้ายกลุ่มนี้ได้ทั้งสิ้น 6 ราย จับกุมได้ 3 ราย อีก 1 รายได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ส่วนอีกสองรายเป็นหมายจับตามภาพจากกล้องวงจรปิด จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนร้ายได้เคยเดินทางเข้า–ออก ราชอาณาจักรมาแล้วจำนวนหลายครั้ง ซึ่งจะได้ติดตามจับกุมตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ในขณะเดียวกัน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังได้ แถลงจับกุมผู้ต้องชาวรัสเชีย ปลอมดวงตราสถานกงสุล ทำปลอมเอกสาร อันเกี่ยวกับส่วนได้เสียของรัฐระหว่างประเทศ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจศปอส.ตร.ได้สืบสวนตรวจสอบบุคคลสัญชาติรัสเซีย MR.KULIUSHIN VITALII อายุ 60 ปี หมายเลขหนังสือเดินทาง 716794200 อดีตกงสุลกิตติมศักดิ์เมืองวดิลาสต๊อก สหพันธรัฐรัสเซีย ซึ่งในปี พ.ศ.2549 ได้มีมติครม.ถอดถอนตำแหน่งของ MR.KULIUSHIN VITALII ต่อมาผู้ต้องหาได้ลักลอบการกระทำความผิดลักลอบเปิดโฆษณาในเว็บไซต์ โดยแอบอ้างว่าตนเองยังมีอำนาจของกงสุลกิตติมศักดิ์ ลักลอบออกตราประทับวีซ่าและเอาดวงตราสถานกงสุลประทับรับรองเอกสารเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ชุดละราคา 5,400 รูเบิ้ล (ประมาณ2,700บาท) ซึ่งทางกรมการกงสุลพิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของ MR.KULIUSHIN VITALII เป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 125,343,และ 265 ประกอบ 266 และเป็นความผิดตามพรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 จึงได้สืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหานี้ ได้กระทำความผิดลักลอบทำผิดมากกว่า 100 ครั้ง อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ จึงนำกำลังเข้าจับกุมในพื้นที่จ.ชลบุรี ก่อนควบคุมตัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

เวลาต่อมา พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ก็ได้แถลงจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ ตามหมายจับของรัฐบาลสหราชอาณาจักร พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากสถานทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย ว่ามีหมายสีน้ำเงิน (Blue Notice) จากรัฐบาลสหราชอาณาจักรโดยหน่วยงาน Officers from the North West Regional Organized Crime Unit (NWROCU) ต้องการตัว Mr.JosephMichael Mulhare อายุ 43 ปี ชาวอังกฤษ และ Mr.Gregory Michael Mulhare อายุ 38 ปี ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นสมาชิกในขบวนการค้ายาเสพติด ที่ยังไม่ถูกจับกุม มีส่วนพัวพันกับขบวนการดังกล่าว สมรู้ร่วมคิดค้าโคเคน ยาบ้า ยาอี และกัญชา ได้หลบหนีมายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 พ.ย. และกบดานอยู่ที่พัทยา จ.ชลบุรี ต่อมาวันที่ 17 พ.ย.ทางการสืบสวนทราบว่าเป้าหมายทั้งสองได้หลบหนีอยู่บริเวณซอยบัวขาว (ซอยพัทยาใต้ 22) โดยพักอาศัยอยู่ที่ The Link Hotel และมักใช้บริการร้าน Unique Blue Sports Bar เป็นประจำ แต่เป้าหมายทั้งสองรู้ตัวว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามอยู่ จึงย้ายที่อยู่ไปที่ ห้องเลขที่ 305 The Loft พระตำหนัก บริเวณเขาพระตำหนัก ซึ่งมีน.ส.จิรวรรณ ล่วงลือ เป็นเจ้าของห้องพัก ในวันที่ 18 พ.ย.เป้าหมายทั้งสองได้ว่าจ้างน.ส.จิรวรรณ เป็นจำนวนเงิน 2,000 บาท ให้ไปส่งที่ถนนข้าวสาร กรุงเทพมหานคร แล้วได้เช็คอินที่ PanneeLodge Hotel หลังจากนั้นได้แยกกับน.ส.จิรวรรณ เรียกแท็กซี่ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ และได้ออกจากสนามบินโดยนั่งแท็กซี่ต่อไปที่ Sukhumvit Suites บริเวณแยกอโศก เช็คอินที่ห้องหมายเลข 405 และ 406 จนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 19 พ.ย. ได้เช็คเอ๊า แล้วเหมาแท็กซี่ให้ไปส่งยัง Panda Resort ต.ดอนหัวฬ่อ จ.ชลบุรี โดยเช็คอินห้องพักเลขที่ B33 จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้บุกเข้าจับกุมตัว และจับกุมได้ในที่สุด และดำเนินการส่งตัวเพิกถอนวีซ่า ที่ ตม.ชลบุรี เพื่อส่งตัวผู้ต้องไปยังประเทศต้นทาง

คดีสุดท้ายได้แถลงผลปราบปรามกวาดล้างสื่อลามก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (TACTICS) กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย สถาบันนิติวิทยาศาสตร์หน่วยงานต่างประเทศ หน่วยหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหราชอาณาจักร สำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐอเมริกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนเธอร์แลนด์ ร่วมประชุมหารือวางแนวทางการปฏิบัติการกวาดล้างสื่อลามกเด็กพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการสร้างความตระหนักรับรู้ให้กับประชาชนชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้รับทราบว่า กฎหมายคุ้มครองเด็ก ในมิติของการป้องกันการเผยแพร่สื่อลามกเด็ก ได้บังคับใช้ตามประมวลกฎหมายอาญาและมีโทษจำคุก หากผู้ใดมีไว้ในความครอบครองสื่อลามกเด็ก จะมีความผิดและถูกดำเนินคดี
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า จากการสืบสวนและวิเคราะห์ข้อมูลร่วมกัน พบจุดที่มีหลักฐานบ่งชี้ว่า เป็นแหล่งสำคัญในการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็กบนอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยหลายจุด ซึ่งจากการกลั่นกรองและรวมรวมพยานหลักฐานสามารถกำหนดพื้นที่เบื้องต้นได้จำนวน 16 จุด กระจายตามภาคต่างๆ ของประเทศ โดยมีผู้ต้องสงสัยทั้งคนไทยและต่างชาติเกี่ยวข้อง อันเป็นความผิดฐานครอบครองและเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามพรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และบางจุดอาจมีความผิดตามพรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 จึงมีการสนธิกำลังกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อวางแผนในการตรวจค้น โดยในวันที่ 16 พ.ย.ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอหมายค้นจุดดังกล่าวทั้งหมดและศาลได้อนุมัติทุกจุดแล้ว ต่อมาในวันที่ 20 พ.ย. หน่วยงานทั้งหมดร่วมสนธิกำลังโดยแบ่งกำลังนำหมายศาลเข้าตรวจค้นพร้อมกันทั้ง 16 จุด โดยมีหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศ เข้าร่วมสังเกตการณ์ ผลการตรวจค้นพบพยานหลักฐาน 9 จุด ตรวจยึดวัตถุพยานทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นจำนวน 18 ชิ้น เป็นหลักฐานและมีการจับกุมผู้กระทำความผิด รวม 6 ราย พบไฟล์ภาพเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 ไฟล์ ส่งพนักงานสอบสวนสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินคดี