กรุงเทพฯ, วันที่ 2 ส.ค. – นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า ว่า แม้สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชายังคงตึงเครียด แต่รัฐบาลยังคงเดินหน้าแก้ปัญหาเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างรอบด้าน ทั้งด้านความมั่นคงและเรื่องปากท้อง โดยเฉพาะปัญหาค่าไฟฟ้าที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกครัวเรือน โดยเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ “ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. …. “ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ประเทศไทยจะมีกฎหมายเฉพาะเพื่อรองรับสิทธิของประชาชนในการผลิตไฟฟ้าใช้เองจากพลังงานแสงอาทิตย์

ร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นข้อเสนอของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่มุ่งลดขั้นตอน ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนที่ต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ทั้งในบ้านเรือนและสถานประกอบการ โดยไม่ต้องขออนุญาตหลายขั้นจากหน่วยงานรัฐอีกต่อไป เพียงแค่แจ้งล่วงหน้า 30 วันเท่านั้น ที่สำคัญ ยังมีมาตรการรองรับด้านความปลอดภัย การควบคุมคุณภาพอุปกรณ์ และการจัดการซากแผงโซลาร์เมื่อหมดอายุการใช้งาน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและดูแลสุขภาพของประชาชนในระยะยาว
รองโฆษกรัฐบาลย้ำว่า การเปิดทางให้ประชาชนสามารถผลิตไฟฟ้าใช้เองในครัวเรือนจะเป็นการช่วยลดภาระค่าไฟได้อย่างแท้จริง และยืนยันว่าระบบไฟฟ้าหลักของประเทศจะไม่ได้รับผลกระทบ รวมถึงไม่ส่งผลต่อรายได้ของภาครัฐอย่างมีนัยสำคัญ
หลังจากครม.ให้ความเห็นชอบ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาและรัฐสภา โดยขณะนี้ยังมีร่าง พ.ร.บ. ฉบับของ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติที่เตรียมเสนอควบคู่กันด้วย “นี่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานของประเทศไทย ให้เป็นธรรม เสมอภาค และยั่งยืน เพื่อให้แสงแดดที่มีอยู่ทุกวัน กลายเป็นพลังงานสะอาดของประชาชนอย่างแท้จริง” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

