“นับแต่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ชาวบ้านตั้งแต่ระดับกลางถึงรากหญ้าต่างคาดหวังว่า กระเป๋าเงินที่แฟบมาเกือบ 10 ปีจะได้ฟูขึ้นมาบ้าง เพราะเชื่อมั่นในฝีมือการบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทย ที่มีดีเอ็นเอถ่ายทอดมาจากพรรคไทยรักไทย ภายใต้การนำ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ตั้งฉายาล่าสุดให้ตัวเองว่า “เสมียนประเทศ”

แต่ไม่ได้เป็นไปตามที่คาด เพราะทั้งรัฐบาลภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นั่งบริหารเพียงแค่ปีเศษ ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้ตกเก้าอี้ มาถึงยุคของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่นายทักษิณผู้พ่อให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ไม่ได้ช่วยให้ประชาชนรู้สึกได้ว่าเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นมาแต่อย่างใด
ยิ่งมาเจอพิษคลิปเสียงที่ น.ส.แพทองธาร เจรจาแบบส่วนตัวกับ สมเด็จฮุน เซน ถูกสมเด็จฮุน เซนหักหลังนำออกมาปล่อย กลายเป็นชนวนให้กลุ่มการเมืองที่อยู่คนละฟากกับนายทักษิณ นำไปเป็นประเด็นก่อม็อบต่อต้านรัฐบาลแพทองธาร และกลายเป็นช่องทางให้สมเด็จฮุน เซนจุดไฟสงครามระหว่างไทยกับกัมพูชา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านตามแนวชายแดนทั้งสองประเทศ มีทั้งเสียชีวิต บาดเจ็บ ทรัพย์สินถูกทำลาย และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศหลายหมื่นล้านบาท
ผลของสงครามได้เติมทุกข์ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนที่มีการสู้รบให้หนักขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะทุกข์ทางเศรษฐกิจ ที่ทำมาหากินยากลำบากอยู่แล้ว ลำบากยิ่งขึ้น สินค้าทางการเกษตรที่เป็นรายได้หลักราคาตกวูบ อาทิ ทุเรียน เคยขายได้กิโลกรัมละกว่าร้อยบาท ได้แค่ไม่กี่สิบบาท หลายพื้นที่ไม่สามารถที่จะเข้าไปเก็บผลผลิตได้ ต้องปล่อยเน่าคาต้น รายได้ที่เคยได้หดหายไป รวมถึงการค้าขายตามแนวชายแดนที่หล่อเลี้ยงเงินในกระเป๋าของชาวบ้านทั้งสองประเทศให้ฟูอยู่ตลอดเวลากลายเป็นแฟบสนิท
ห้วงที่ไฟสงครามคุโชน ชาวบ้านในหลายจังหวัดทางภาคเหนือ อาทิ น่าน แพร่ สุโขทัย และเชียงราย เป็นต้น ผจญกับภัยธรรมชาติที่สาหัส บ้านเรือนพังเสียหาย พื้นที่การเกษตรย่อยยับ สัตว์เลี้ยงล้มตาย รีสอร์ต โฮมสเตย์ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ แหล่งสร้างรายได้ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ถูกภัยธรรมชาติถล่มได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ช่วงฤดูฝนนี้มีแนวโน้มสูงที่ทุกพื้นที่ของประเทศจะโดนภัยธรรมชาติถล่มแบบหนักหน่วง เพราะสภาพภูมิอากาศโลกแปรปรวน โอกาสที่เมืองใหญ่ๆ อาทิ กรุงเทพฯ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครราชสีมา ภูเก็ต ชลบุรี และนครศรีธรรมราช เป็นต้น ถูกพายุฝนหรือเรน-สตอร์มถล่ม ทำให้น้ำท่วมสูงแบบฉับพลัน จะสร้างความเสียหายให้กับทรัพย์สินของประชาชนเป็นวงกว้าง
ทั้งสองปัญหานี้คือตัวเสริมที่ฉุดรั้งให้เศรษฐกิจของประเทศทั้งระดับมหภาคและจุลภาคให้ดิ่งเหวหนักกว่าเดิม ยิ่งการเจรจากำแพงภาษีกับสหรัฐอเมริกา ยังอยู่ในอาการลูกผีลูกคน ภาคธุรกิจตกอยู่ในอาการขวัญผวา เพราะถ้าวันที่ 1 สิงหาคม ที่สหรัฐขีดเส้นตายไว้แต่การเจรจายังไม่บรรลุผล จะต้องใช้อัตราภาษีตามที่กำหนดไว้ เศรษฐกิจของไทยคงป่วนหนัก
“
ปัญหาเหล่านี้ล้วนแต่มาซ้ำเติมให้คนระดับกลางถึงรากหญ้าที่มีรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้ว ใช้ชีวิตลำบากมากขึ้น แต่พวกระดับกลางถึงระดับสูง รวมถึงพวกนักการเมือง แกนนำม็อบ และพวกร่างทรงเผด็จที่ยังเสพติดอำนาจอยู่ คงไม่ลำบาก เพราะล้วนมีฐานะและมีรายได้จากหลายทาง ทั้งสุจริตและทุจริตอยู่แล้ว“
กลุ่มคนเหล่านี้มักจะไม่นำพาต่อความเดือดร้อนของประชาชน สะท้อนได้จากความเคลื่อนไหวต่างๆ รวมถึงพยายามทุกวิถีทางขัดขวางไม่ให้การบริหารประเทศของรัฐบาลที่ไม่ใช่พวกเดินแบบสะดวกโยธิน แม้แต่รัฐบาลไทยไปเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาที่มาเลเซียเพื่อหย่าศึก แกนนำม็อบบางคนถึงขั้นประกาศล่วงหน้าไม่ยอมรับผลการเจรจา หรือร่างทรงเผด็จที่เสวยสุขจากบทบาท สนช. และ ส.ว. ถึงขั้นตีกันว่าอย่าให้อเมริกาแทรกแซง เพราะจะทำให้จีนมีปัญหาความไม่เข้าใจ จนสงครามขยายวงได้
ในจังหวะที่ปัญหาสารพัดรุมถล่มประเทศไทย ถ้านักการเมือง กลุ่มการเมืองต่างๆ ที่ยังหลงมัวเมาในเกมแย่งชิงอำนาจ หยุดเคลื่อนไหวที่จะไปสร้างความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกจนบ้านเมืองไปต่อไม่ได้ แล้วหันมามองปัญหาที่ชาวบ้านส่วนใหญ่กำลังเผชิญอยู่ นำไปสะท้อนอย่างสร้างสรรค์ให้รัฐบาลนำไปแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นผลดีต่อประชาชนโดยรวมอย่างแน่นอน แต่ข้อเสนอนี้เชื่อว่าเป็นเพียงแค่ฝันลมๆ แล้งๆ เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนมีความอิจฉาริษยาอยู่เต็มหัวใจ
ดังนั้น ชาวบ้านระดับกลางที่กำลังจนลงเรื่อยๆ ถึงระดับรากหญ้า ที่ถูกพิษเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ และภัยสงครามเล่นงานจนอ่วม ต้องทนรับสภาพกระเป๋าแฟบและหนี้ล้นพ้นตัวต่อไป!!!


