หน้าแรกการเมืองกรมประชาสัมพันธ์ Social Listening "ไทย - กัมพูชา" ประเมินผลปฎิบัติงานการข่าว กระแสในประเทศ

กรมประชาสัมพันธ์ Social Listening “ไทย – กัมพูชา” ประเมินผลปฎิบัติงานการข่าว กระแสในประเทศ

ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่า กองส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ภาครัฐ กรมประชาสัมพันธ์ ทำการประเมินผลปฎิบัติงานในการข่าว Social Listening “ไทย – กัมพูชา” ดังนี้

กระแสในประเทศ

เชิงบวก – ความสำเร็จของกองทัพในหลายจุด โดยประชาชนชื่นชมทหารไทยที่มีขีดความสามารถในการรบ และสามารถที่จะดำเนินการปกป้องเอกราชตามภารกิจหน้าที่ของตนเอง หลายเพจทำเนื้อหาให้กำลังใจทหาร ตำรวจแนวหน้าที่เสียสละเพื่อรักษาอธิบไตยของชาติ ผ่านมาแล้ว 3 วัน 2 คืนกับความอดทนเต็มทั้งวันทั้งคืนท่ามกลางเสียงระเบิดของกัมพูชาและความสูญเสียของทหาร (1) ทบ. โพสต์รายงานว่า ภูมะเขือ ถูกยึดคืนได้ทั้งหมดแล้ว โดยได้โพสต์คลิปทหารไทยได้ปักธงชาติไทยเหนือยอดภู ร้องเพลงชาติ และโพสต์โควตคำว่า “เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่” เตรียมทำลายฐานที่มั่น กระเช้าเสาเรดาร์ และบันไดเหล็ก ที่ทหารกัมพูชา ทำขึ้นบนภูมะเขือ (2) ทร. เปิดยุทธการ “ตราดพิฆาตไพรี 1” บริเวณบ้านชำราก จ.ตราด ส่ง 4 เรือรบป้องกัน กัมพูชากังวล เร่งรื้อฐานปืนกลตามแนวชายฝั่งเกาะกง เนื่องจากกังวลว่าจะถูกโจมตี เตือนประชาชนพบคนแปลกหน้าให้แจ้งทหารด้วย (3) การใช้อากาศยานกริพเพน (Gripen) สัญชาติสวีเดนขึ้นบินในภารกิจตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาของกองทัพอากาศไทย โดยเป็นครั้งแรกที่ใช้ในการสู้รบและใช้อาวุธ สร้างเสียงชื่นชมต่อขีดความสามารถของกองทัพไทย โดยประชาชนสนใจประเด็นการเปรียบเทียบ F-16 และ Gripen อย่างมากและให้กำลังใจทหารไทย

– ประชาชนพึงพอใจท่าทีไทยในวที UNSC อย่างมาก โดยเฉพาะความสามารถของ นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตและผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ที่ได้แถลงจุดยืนของไทยอย่างหนักแน่น ยืนยันสิทธิไทยในการป้องกันตนเอง ประณามการโจมตีพลเรือนอย่างไร้มนุษยธธรรม ละเมิดอนุสัญญาเจนีวา โดยกล่าวชื่นชมท่านทูต รวมไปถึง กต. ที่มีการทำงานในเชิงรุกมากขึ้น

– เพจน้องหอมแดง ฮิปโปศรีสะเกษ โพสต์ น้องหอมแดง ครอบครัวและเพื่อนบ้านที่อยู่ในสวนสัตว์ด้วยกันปลอดภัยดีค่ะเนื่องจากสถานที่ ที่น้องหอมแดงกับเพื่อนบ้านอาศัย อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 60 กิโลเมตร ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่ก็จะมีตกใจเสียงเครื่องบินที่บินผ่านไปมาเล็กน้อย ขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่เป็นห่วง โดยประชาชนแสดงความเป็นห่วงและให้กำลังใจทีมงานสวนสัตว์ รวมไปถึงสัตว์ในสถานที่ดังกล่าวให้ปลอดภัย นอกจากนี้ กองทัพภาคที่ 2 ก็ได้โพสต์แนวทางการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ครอบคลุมสัตว์เลี้ยงหลากหลายประเภท เช่น โค กระบือ สุกร แพะ แกะ ไก่ เป็ด ฯลฯ พร้อมสนับสนุนค่าเสียหายแปลงหญ้า สูงสุด 30 ไร่

เชิงลบ – โดยเพจ CSI LA โพสต์ว่า ทหารกัมพูชากำลังถูกใช้เป็นเหยื่อในเกมอำนาจของคน ๆ เดียว ฮุน เซน ลดงบประมาณของกองทัพลงและสร้างกองกำลังของตัวเองที่มีเฉพาะคนใกล้ชิดได้ไช้อาวุธที่ทันสมัย โดยล่าสุดเตรียมจะส่งกองทัพเรือมาปะทะ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าแพ้แน่ ๆ โดยประชาชนส่วนใหญ่มองว่าลักษณะดังกล่าว ตระกูลฮุน ต้องการรักษาฐานอำนาจทางการเมืองเชิงลบในข้อสังเกตของกองส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ภาครัฐกรมประชาสัมพันธ์ ของตนเองไว้ และต้องการให้มีการแปลเป็นภาษากัมพูชาด้วย เพื่อส่งต่อกระจายไปให้ถึงฝั่งนู้นมากที่สุด เนื่องจากไม่มีเหตุผลใดเลยที่กัมพูชาจะอยากปะทะกับไทยที่ขีดความสามารถทางทหารสูงกว่า

– กองทัพภาคที่ 2 เตือนระวังอันตรายจาก “ขีปนาวุธ PHL-03” ยิงไกลได้ถึง 130 กิโลมตร นอกจากนี้ ยังมีประเด็นผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทน์ เตือนประชาชนให้เลี่ยงพื้นที่ 120 กิโลเมตรจากชายแดน เนื่องจากระวังขีปนาวุธ PHL-03 และ KS-1C ขอให้หลีกเลี่ยงพื้นที่ฐานทหาร โรงพยาบาล โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกชื้อ และชุมชนหนาแน่น โดยหลายความคิดเห็นแสดงความกังวลเนื่องจากขีปนาวุธมีระยะการทำลายล้างสูง และประชาชนหลายส่วนอพยพแล้ว บางพื้นที่ให้อพยพ แต่ยังไม่มีพาหนะมารับ-ส่ง ในตอนนี้สุรินทร์ผู้เสียชีวิตมากแล้ว โดยประชาชนเรียกร้องให้กองทัพค้นหาพิกัดขีปนาวุธดังกล่าวและทำลายก่อนเพื่อเป็นการป้องกันถูกโจมตีโดยไร้มนุษยธรรมทหารไทยมีความชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและแผ่นดินของเรา เพราะกัมพูชาแสดงให้เห็นแล้วว่าพร้อมยิงทำลายทุกอย่าง และคอยลอบกัดตลอด

ข้อสังเกต

– ภายหลังการปะทะกันของทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณบ้านชำราก อเมือง จ.ตราด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 ก.ค.68 ทำให้ชาวกัมพูชาประมาณ 5,000 คน เตรียมเดินทางกลับประเทศที่จุดผ่านแดนถาวบ้านแหลม จ.จันทบุรี และยังทยอยเดินทางเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง คาดว่าตัวเลขผู้ติดต่อขอผ่านแดนจุดนี้นับหมื่นคน โดยประชาชนไทยสนับสนับสนุนการเดินทางออกนอกประเทศเพื่อกลับกัมพูชา อย่างไรก็ตาม โพสต์ในประเด็นนี้ก็จะมีกระแสคนไทยที่เกิดความเกลียดชังต่อแรงงานกัมพูชาที่ยังอยู่ในไทย

– กองทัพภาคที่ 2 ระบุ ตรวจสอบกับ สปป.ลาว แล้ว ทราบว่า กระสุนที่ตกใส่บ้านเรือน สปป.ลาว ไม่ได้เป็นอาวุธของไทย แต่เป็นกระสุนของกัมพูชา ย้ำไทยระวังในการใช้อาวุธยิงสนับสนุน ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์อย่างยิง โดยประชาชนไทยแสดงความคิดเห็นต่อว่ากัมพูชาที่พร้อมจะบิดเบือนประเด็นดังกล่าว แต่ สปป.ลาว รู้ข้อเท็จจริง

– กระทรวงการต่างประเทศ โพสต์แจ้งกรณีสายด่วน ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ ว่า “เมื่อครู่ที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้เสนอให้ประเทศไทยและกัมพูชาดำเนินการหยุดยิงโดยทันที รักษาการนายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณต่อความห่วงใยและความปรารถนาดีของฝ่ายสหรัฐฯ และยืนยันว่า ในหลักการ ฝ่ายไทยเห็นชอบต่อการหยุดยิง อย่างไรก็ดี ฝ่ายไทยประสงค์ที่จะเห็นความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาในเรื่องดังกล่าว จึงขอให้ฝ่ายสหรัฐฯ ช่วยถ่ายทอดไปยังฝ่ายกัมพูชาว่า ฝ่ายไทยประสงค์ ให้มีการหารือแบบทวิภาคีโดยเร็วที่สุด เพื่อร่วมกันกำหนดมาตรการและกระบวนการที่ชัดเจนสำหรับการหยุดยิง และนำไปสู่การยุติข้อพิพาทอย่างสันติและยั่งยืนต่อไป” โดยประชาชนตั้งคำถามว่า การแทรกแซงบีบบังคับครั้งนี้ จะทำให้การเจรจาบนโต๊ะดำเนินการไปตามครรลองหรือไม่ มีความกังวลต่อความชื่อสัตย์ของผู้นำกัมพูชา เพราะยังมีการยิงจากกัมพูชาเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีประเด็นข่าวดังกล่าว และไม่อยากให้กัมพูชานำไปปั่นว่าไทยยอมแพ้ นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะต้องการชิงการนำในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เหนือจีน เพจท้องถิ่นในพื้นที่ปะทะตั้งคำถามถึงรัฐบาลว่า ประชาชนหลายส่วนยอมทิ้งบ้านเรือนเพื่อให้ทหารทำหน้าที่ให้จบ รัฐบาลจะมีจุดยืนในการเจรจาอย่างไร ไม่มั่นใจว่าจะหลงกับดักของกัมพูชาหรือไม่ หากเป็นรัฐบาลชุดนี้เจรจา

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img