นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าสำหรับพรรคการเมืองทุกพรรคก็คงอยากเป็นรัฐบาลด้วยกันทั้งนั้น แต่อาจจะคนละเหตุผล บางพรรคก็คงอยากจะเป็นรัฐบาลเพราะเรื่องผลประโยชน์ แต่ประชาธิปัตย์ก็อยากเป็นรัฐบาลเพื่อผลักดันแนวคิดของพรรค ในการที่จะทำให้กับบ้านเมือง แต่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้มีสภาพแบบที่บางพรรคบอก อดอยากปากแห้ง มีปัญหา แล้วก็จะต้องลุยกันจนชนิดที่เรียกว่าเป็นฝ่ายค้านไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ก็ทำหน้าที่การตรวจสอบ เป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่าแล้วถ้าเป็นฝ่ายค้านเป็นกับใคร มันไม่มีใครเขามาประกาศจับมือกันเป็นฝ่ายค้านหรอก มันไม่ใช่เรื่อง ถ้าคุณไม่ประสงค์ หรือไม่มีใครเขาทาบทามคุณมาเป็นรัฐบาล คุณก็เป็นฝ่ายค้าน คุณจะเป็นกับใคร คุณเลือกได้ที่ไหนล่ะ ใช่มั้ยครับ ที่ผ่านมาในอดีตก็ไม่ได้มีฝ่ายค้านพรรคเดียวเสมอไป พรรคประชาธิปัตย์ก็เลือกไม่ได้หรอก ใครที่ไม่เป็นรัฐบาลก็ต้องมาเป็นฝ่ายค้านด้วยกันทั้งนั้น มันจึงไม่มีกรณีที่จะไปจับมือเป็นฝ่ายค้าน โดยย้ำว่าระบอบประชาธิปไตยมันมีคุณค่าตรงที่มันมีฝ่ายค้าน เพราะระบอบอะไรก็มีรัฐบาลทั้งนั้น แต่ระบอบประชาธิปไตยเท่านั้นที่เขามีฝ่ายค้านไว้เพื่อคอยตรวจสอบ เพื่อคอยที่จะเสนอทางเลือกให้กับประชาชน
นายอภิสิทธิ์ทิ้งท้ายว่าเพราะวันนี้ประชาธิปัตย์เห็นว่า ปัญหาของบ้านเมือง มันเกินเลยที่จะมาคิดเรื่องว่า ใครจะเป็นพวกกับใคร มันต้องก้าวข้ามไปสู่ว่า ใครเหมาะที่จะแก้ปัญหาให้กับประเทศในอนาคต ซึ่งมีแรงกดดันทุกด้าน ด้านหนึ่งเรามีคนจำนวนมหาศาลที่ขณะนี้ต้องใช้คำว่า ถูกทอดทิ้ง ทั้งโดยสภาพความเป็นจริงของเทคโนโลยี ระบบทุน แล้วก็นโยบายที่ไม่เอื้อ แล้วเราก็มีปัญหาสำหรับการที่จะต้องก้าวตามให้ทันโลกด้วย ที่อาจารย์ก็ชอบถามอยู่ปัจจุบันว่า เทคโนโลยีที่เข้ามาใหม่ การจะแข่งขัน การจะยืนอยู่ในเวทีโลกเป็นอย่างไร และทั้งหมดนี้ประชาธิปัตย์เชื่อด้วยว่า นอกจากมีวิสัยทัศน์ มีนโยบายที่ดี ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ และไม่มีเรื่องธรรมาภิบาล ทุกปัญหาก็แก้ไม่ได้ พรรคฯต้องมั่นใจในแนวคิดนี้ พรรคฯก็จะเดินหน้าขอเสียงประชาชนสำหรับจุดยืนแบบนี้