วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 06:30 น. ตามเวลาไทย – คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ (UNSC) จัดการประชุมฉุกเฉินแบบปิดประตูเมื่อคืนวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 02:00 น. ตามเวลาไทย (15:00 น. ตามเวลานิวยอร์ก) ตามคำร้องขอจากนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต เพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งชายแดนที่รุนแรงขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชานับตั้งแต่ 24 กรกฎาคม 2568 การประชุมนี้มีตัวแทนจาก 15 ประเทศสมาชิก UNSC รวมถึงผู้แทนถาวรของไทยและกัมพูชาเข้าร่วม โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

รายละเอียดการประชุม
- คำร้องของกัมพูชา: ฮุน มาเนต อ้างว่าการโจมตีของไทยเป็น “การรุกรานที่ไม่มีการยั่วยุและตั้งใจไว้ล่วงหน้า” โดยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ และเรียกร้องให้ UNSC จัดการประชุมเพื่อหยุดยั้งการกระทำของไทย กัมพูชายังตั้งคำถามถึงข้ออ้างของไทยที่ว่าเป็นฝ่ายตั้งรับ โดยชี้ว่ากัมพูชามีขนาดและศักยภาพทางทหารน้อยกว่ามาก
- จุดยืนของไทย: ตัวแทนไทย นำโดยเอกอัครราชทูตเชิดชาย ใช้ไววิทย์ ปฏิเสธข้อกล่าวหา และยืนยันว่าการโจมตีของไทยเป็นการป้องกันตนเองตามมาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ หลังจากกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนและโจมตีพลเรือนไทย รวมถึงโรงพยาบาลและสถานีบริการน้ำมัน ไทยยังเรียกร้องให้มีการสอบสวนการใช้ทุ่นระเบิดของกัมพูชา และย้ำถึงความพร้อมในการเจรจาทวิภาคี
- การไกล่เกลี่ยจากนานาชาติ: สหรัฐฯ จีน ฝรั่งเศส และมาเลเซีย (ในฐานะประธานอาเซียน) เสนอตัวเป็นตัวกลาง แต่ไทยปฏิเสธการไกล่เกลี่ยจากชาติที่สาม โดยยินดีเจรจาทวิภาคีหรือผ่านมาเลเซียหากกัมพูชายอมหยุดยิงก่อน
ผลการประชุม
- คำเรียกร้องหยุดยิง: ทูต UN ของกัมพูชาประกาศหลังการประชุมว่า กัมพูชาขอให้มีการหยุดยิงทันทีและโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมผลักดันการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ซึ่งสอดคล้องกับจุดยืนของ UNSC ที่เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ “ความอดกลั้นสูงสุด” และหันมาใช้การเจรจาทางการทูต
- ไม่มีมติหรือการลงคะแนน: การประชุมเป็นการหารือแบบปิดและไม่มีการออกมติหรือคำประกาศอย่างเป็นทางการจาก UNSC เนื่องจากเป็นการประชุมเพื่อรับฟังความเห็นเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อตัดสินหรือบังคับใช้มาตรการใดๆ
- สถานการณ์หลังประชุม: ยังไม่มีข้อตกลงชัดเจนระหว่างไทยและกัมพูชาในการหยุดยิง โดยมีการรายงานว่าการสู้รบเริ่มลดลงในช่วงบ่ายวันที่ 25 กรกฎาคม แต่ยังคงมีความตึงเครียดต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณวัดพระวิหารและตาเมือนธม
บริบทเพิ่มเติม
- การประชุมนี้เกิดขึ้นท่ามกลางรายงานการอพยพกว่า 138,000 คนจากฝั่งไทย และการสูญเสียชีวิตอย่างน้อย 15 ราย (14 พลเรือน 1 ทหาร) รวมถึงการบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
- ความขัดแย้งนี้ย้อนกลับไปถึงข้อพิพาทดินแดนที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะการตีความพรมแดนจากแผนที่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส และการปะทะครั้งล่าสุดในเดือนพฤษภาคม 2568 ที่จุดชนวนความตึงเครียด
สถานการณ์ยังคงพัฒนา และทั้งสองฝ่ายยังคงติดตามการตอบสนองจากนานาชาติ รวมถึงการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

