ตามนโยบายของรัฐบาล ได้กำหนดนโยบายในการเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชวงศ์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศปปง.ตร., พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. ในฐานะ ผอ.ศปอส./ผอ.ศตคม.ตร. และ พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศปอส.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นำตำรวจในสังกัดสืบสวน จับกุมผู้ต้องหาที่กระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์และดำเนินคดี
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิรีวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 และ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่
เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์ตามรวบผู้ต้องหาตั้งฐานผลิตลำกล้องปืนเถื่อนขายออนไลน์ ณ บริเวณชั้น 1 บก.สอท.2 (เมืองทองธานี)

สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.3 ได้ระดมตรวจสอบหาข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายที่มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายอุปกรณ์ส่วนประกอบอาวุธปืนผิดกฎหมายที่ประกอบขึ้นเอง หรือไทยประดิษฐ์ ผ่านช่องทางออนไลน์ กระทั่งพบว่า มีผู้ใช้บัญชีร้านค้าบนแอปพลิเคชันขายของออนไลน์ชื่อดัง ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวน 700 คน ได้โพสต์ข้อมูลภาพการขายสินค้าประเภทท่อทองเหลือง และอื่น ๆ อีกจำนวน 22 รายการ โดยการตรวจสอบพบว่าภาพดังกล่าวมีลักษณะคล้ายเป็นลำกล้องของอาวุธปืน
ต่อมาจึงได้สืบสวนข้อมูลไปยังต้นทางของผู้จัดส่งพัสดุ จนทราบว่าเป็น นายอิทธิเทพ อายุ 50 ปี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดขอนแก่น ออกหมายจับ และสืบทราบว่า นายอิทธิเทพ ได้พักอาศัยอยู่ในบ้านพักในพื้นที่หมู่ 3 ต.สามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี จึงได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดอุดรธานี

กระทั่งวันที่ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจ กก.1 บก.สอท.3 ได้นำกำลังพร้อมหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบนายอิทธิเทพ แสดงตัวเป็นผู้พักอาศัย ตรวจค้นภายในบ้านพัก พบของกลางหลายรายการ เช่น ชิ้นส่วนอุปกรณ์ในการประกอบอาวุธปืนจำนวนมาก, เครื่องเจาะสว่านแท่น, เครื่องกลึง, เครื่องตัดเหล็ก, โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก, สมุดบัญชีธนาคาร และอื่น ๆ
เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตน โดยได้ประกอบอาวุธปืนจำหน่ายทางแพลตฟอร์มอร์มออนไลน์จริง จึงได้ดำเนินการตามกฎหมาย ฐาน “มีหรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายายทะเบียน
และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา” ก่อนนำส่งดำเป็นคดีตามกฎหมาย พร้อมเร่งขยายผลไปยังส่วนที่เกี่ยวข้องต้องต่อไป

