“จันทน์กะพ้อ” สมุนไพรหอมแห่งพงไพรไทย

669

กลางผืนป่าเขตร้อนชื้นของภาคใต้และบางพื้นที่ของภาคตะวันตกเฉียงใต้ของไทย หากได้ยินกลิ่นหอมละมุนลอยมากับสายลม อาจไม่ใช่เพียงดอกไม้ป่าธรรมดา หากแต่คือ “จันทน์กะพ้อ” ไม้ยืนต้นพื้นถิ่นที่ไม่เพียงงามสง่าด้วยรูปทรง แต่ยังซ่อนสรรพคุณทางยาที่สืบทอดในภูมิปัญญาชาวบ้านมายาวนาน

จันทน์กะพ้อ หรือชื่อวิทยาศาสตร์ Vatica diospyroides Symington เป็นไม้ในวงศ์ DIPTEROCARPACEAE มีชื่อเรียกในแต่ละถิ่นแตกต่างกันไป เช่น “เขี้ยวงูเขา” ในจังหวัดพังงา หรือ “จันทน์พ้อ” ในภาคใต้ ลักษณะเด่นคือเป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงใหญ่ ใบเดี่ยว เรียงสลับ ปลายใบแหลม ขอบเรียบ ผิวใบมันเล็กน้อย ช่อดอกมักแยกแขนง ออกตามซอกใบและปลายกิ่ง ดอกมีสีเหลืองนวลหรือขาวนวล และมีกลิ่นหอมแรง จนเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะลืม

ผลของจันทน์กะพ้อมีลักษณะคล้ายไข่ ปกคลุมด้วยขนสีน้ำตาล มีปีก 5 กลีบที่สั้นกว่าผล เมื่อแก่จัด ผลจะร่วงลงและกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ตามธรรมชาติ นับเป็นกลไกการอยู่รอดของพันธุ์ไม้ชนิดนี้ที่น่าทึ่ง

แต่จันทน์กะพ้อไม่ใช่เพียงไม้ที่งามสง่า หากยังเป็นสมุนไพรที่ทรงคุณค่าในแวดวงแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะ “เนื้อไม้” ซึ่งใช้แก้ไข้เพื่อลม แก้สันนิบาต ขับเสมหะ ขับโลหิต และแก้ลมวิงเวียน ขณะที่ “ดอก” ของจันทน์กะพ้อก็มีฤทธิ์บำรุงหัวใจ สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของพืชชนิดนี้อย่างรู้คุณค่าของคนโบราณ

จันทน์กะพ้อจึงไม่ใช่แค่พืชในป่า หากแต่เป็นเสมือนตำราพื้นบ้านที่มีชีวิต เป็นสัญลักษณ์ของความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติกับวิถีมนุษย์

อ้างอิง : สำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช. (2559). ความหลากหลายทางชีวภาพพืชสมุนไพรในประเทศไทย เล่ม 1. หน้า 67